สมอ. เดินหน้าปรับมาตรฐานเหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็นให้เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน

สมอ. เดินหน้าปรับมาตรฐานเหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็นสำหรับงานโครงสร้างทั่วไป หลังเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผู้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องแล้วไม่มีผู้คัดค้าน

 

นายวันชัย พนมชัย รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันมีการผลิตและใช้เหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็นสำหรับงานโครงสร้างทั่วไปกันมากขึ้น ซึ่งเดิม สมอ. ได้กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กโครงสร้างรูปพรรณขึ้นรูปเย็น ตั้งแต่ ปี 2537 และมีการแก้ไขปรับปรุงมาตรฐานมาเป็นระยะ ล่าสุดได้ปรับแก้ไขมาตรฐานดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อให้มาตรฐานมีความเหมาะสมกับเทคโนโลยีการผลิตและการใช้งานภายในประเทศ โดยยกเลิกมาตรฐานฉบับปัจจุบัน มอก. 1228-2549 และกำหนดมาตรฐานขึ้นใหม่ โดยประเด็นสำคัญของมาตรฐานฉบับใหม่ที่มีการแก้ไข คือ  กำหนดขอบข่ายที่ชัดเจนขึ้น เช่น ความหนาระบุต้องไม่เกิน 6.0 มิลลิเมตร กำหนดการเคลือบผิวเป็น 2 ประเภท คือ เคลือบสีและไม่เคลือบสี เพิ่มชั้นคุณภาพจากเดิมมีเพียงชั้นคุณภาพเดียว เพิ่มเป็น 6 ชั้นคุณภาพ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้เหล็กโครงสร้างได้ตรงกับที่ออกแบบไว้มากขึ้น  นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้แสดงเครื่องหมายและฉลากที่เหล็กโครงสร้าง โดยแสดงชื่อผลิตภัณฑ์ ชื่อผู้ผลิต แบบ ชั้นคุณภาพ ขนาด ความหนา ความยาว มวลต่อเมตร และวันที่ผลิต เป็นต้น  เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูรายละเอียดของเหล็กได้อย่างชัดเจน ซึ่งขณะนี้มาตรฐานดังกล่าวได้ผ่านขั้นตอนการเปิดรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องแล้วไม่มีผู้คัดค้าน สมอ. จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อประกาศเป็นมาตรฐานบังคับต่อไป

           นายวันชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของ สมอ. เพื่อส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยในตลาดโลก รวมทั้งปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าที่มีคุณภาพ โดยผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถรับทราบการกำหนดมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง และติดตามความเคลื่อนไหวด้านการมาตรฐานได้ที่ www.tisi.go.th หรือ www.facebook.com/tisiofficial