การสร้างความพร้อม สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญคือความพร้อมทางกายภาพของประเทศ และเมืองสำคัญ เช่น ระบบการคมนาคมขนส่ง-โลจิสติกส์ ความพร้อมทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ความพร้อมทางด้านบุคลากร-ทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนี้ยังรวมถึงความมีเสถียรภาพทางการเมืองของการปกครองระบอบประชาธิปไตย และแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี เรื่องดังกล่าวเหล่านี้มีความมั่นคงยาวนานกว่ามาตรการจูงใจทางด้านสิทธิประโยชน์จากภาษี
ดังนั้นล่าสุดประเทศไทยจึงได้มีการปรับเปลี่ยนมาตรการภาษีเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่(ของบรรษัทข้ามชาติ)ต่างๆ ที่มีโอกาสเปิดขึ้นในประเทศไทย
ยกเลิกมาตรการภาษีเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่เพื่อภาพลักษณ์ที่ดี
มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 26 มีนาคม 2562 เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเลิกมาตรการภาษีเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ]
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
สาระสำคัญของเรื่อง
ร่างพระราชกฤษฎีกา รวม 3 ฉบับ ที่กระทรวงการคลังเสนอ เป็นการยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (Regional Operating Headquarters หรือ ROH) สำนักงานใหญ่ ข้ามประเทศ (International Headquarters หรือ IHQ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Center หรือ ITC) ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย อันเป็นการปฏิบัติตามโครงการต่อต้านการกัดกร่อนฐานภาษีและการโยกย้ายกำไร (BEPS) [เช่น การที่ประเทศไทยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่สำนักงานหรือบริษัทดังกล่าว แต่ในกรณีเช่นเดียวกัน ประเทศอื่นไม่ให้สิทธิประโยชน์ในทางภาษี] ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD)
การดำเนินการในเรื่องนี้สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของ Inclusive Framework on Base Erosion and Profit Shifting (Inclusive Framework on BEPS) ที่จัดตั้งโดยองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development หรือ OECD) ประเทศไทยจึงต้องนำโครงการต่อต้านการกัดกร่อนฐานภาษีดังกล่าวมาปฏิบัติ มิฉะนั้นอาจถูก Forum on Harmful Tax Practices (FHTP) และ Inclusive Framework on BEPS ให้สถานะประเทศไทยเป็น Potentially Harmful หรือ Actually Harmful รวมทั้งการถูกบรรจุชื่ออยู่ในรายชื่อประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษีของสหภาพยุโรป ซึ่งจะทำให้มีผลกระทบเกิดแก่การลงทุนในประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังรายงานว่า การยกเลิกมาตรภารภาษีในเรื่องนี้มิได้ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้แต่อย่างใด ซึ่งจะทำให้มาตรการภาษีเกี่ยวกับ ROH2 IHQ และ ITC สิ้นสุดลงในวันที่ 1 มิถุนายน 2562 และทำให้ไม่ได้รับสถานะเป็น Potentially Harmful หรือ Actually Harmful จาก FHTP และ Inclusive Framework on BEPS อีก และทำให้ประเทศไทยไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่ไม่ให้ความร่วมมือด้านภาษีของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ยังรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของไทยและป้องกันไม่ให้ถูกมาตรการตอบโต้จากนานาประเทศ อันจะเป็นผลดีต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว
ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ มีสาระสำคัญ ดังนี้
มาตรการที่หนึ่ง ยกเลิกมาตรการภาษีเกี่ยวกับ ROH ประกอบด้วย 1) ROH1 (ยุติการจดแจ้งรายใหม่เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ) และ 2) ROH2 (ยุติการจดแจ้งรายใหม่ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2558)
สาระสำคัญ มีดังนี้
- ยกเลิกการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลในส่วนค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป
- ยกเลิกการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในส่วนรายได้จากการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือ ดอกเบี้ยที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือและเงินปันผลที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562
- ยกเลิกการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่คนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำ ROH2 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 เป็นต้นไป
- ยกเลิกการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับเงินปันผลที่ได้รับจาก ROH2 แต่ยังคงยกเว้นสำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มิ.ย. 62 และจ่ายภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563
มาตรการที่สอง ยกเลิกมาตรการภาษีเกี่ยวกับ IHQ (ยุติการอนุมัติรายใหม่เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561)
สาระสำคัญประกอบด้วย
- ยกเลิกการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่คนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำ IHQ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โดยคนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำ IHQ
- ยกเลิกการลดอัตราและการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับรายได้จากการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือ ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ เงินปันผลที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือ รายได้จากการโอนหุ้นของวิสาหกิจในเครือ รายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศและรายได้จากการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศแก่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป
- ยกเลิกการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับเงินปันผลและดอกเบี้ยที่ได้รับจาก IHQ แต่ยังคงยกเว้นสำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2562 และจ่ายภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563
มาตรการที่สาม ยกเลิกมาตรการภาษีเกี่ยวกับ ITC
สาระสำคัญประกอบด้วย
- ยกเลิกการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่คนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำ ITC ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
- ยกเลิกการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ ITC สำหรับรายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศและรายได้จากการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศแก่นิติบุคคล ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป
- ยกเลิกการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในไทยสำหรับเงินปันผลที่ได้รับจาก ITC แต่ยังคงยกเว้นสำหรับเงินปันผลที่ได้รับจาก ITC ซึ่งจ่ายจากรายได้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2562 และจ่ายภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563
ทั้งนี้ ร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 3 ฉบับ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
เพิ่มเติม
ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อจูงใจให้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters: IHQ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Center: ITC) ในประเทศไทย มีดังนี้
(มาจาก http://www.rd.go.th/publish/26201.0.html)
ความเป็นมา
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 และวันที่ 10 มีนาคม 2558 เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศและมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters: IHQ) และบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Center: ITC) ในประเทศไทย อันจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การเงิน และการลงทุนของภูมิภาค
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ
เป็นการให้สิทธิประโยชน์ลดอัตราและยกเว้นภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters: IHQ) ในประเทศไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้
คำนิยาม
สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ หมายความว่า บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เพื่อประกอบกิจการให้บริการด้านการบริหารหรือด้านเทคนิค การให้บริการสนับสนุน หรือการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือหรือสาขาของตน ไม่ว่าวิสาหกิจในเครือหรือสาขานั้นจะตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ และหมายความรวมถึงบริษัทการค้าระหว่างประเทศซึ่งได้รับอนุมัติให้เป็นสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศด้วย
คุณสมบัติ
มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
มีการให้บริการด้านการบริหารหรือด้านเทคนิค การให้บริการสนับสนุน หรือการบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
มีรายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการของ IHQ ที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี
ยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติให้เป็น IHQ จากอธิบดีกรมสรรพากร
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
ระยะเวลาการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี : 15 รอบระยะเวลาบัญชี
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
1. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ IHQ สำหรับรายได้ดังต่อไปนี้
1.1 รายได้จากการให้บริการด้านการบริหารหรือด้านเทคนิค การให้บริการสนับสนุน หรือ การบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
1.2 ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
1.3 เงินปันผลที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
1.4 รายได้จากการโอนหุ้นของวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ทั้งนี้ เฉพาะการโอนหุ้นที่ตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน
1.5 รายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศ โดยสินค้าดังกล่าวมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย หรือเข้ามาในประเทศไทยในลักษณะการผ่านแดนหรือการถ่ายลำตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และรายได้จากการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศแก่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ได้รับจากหรือในต่างประเทศ
2. ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ IHQ จากร้อยละ 20 ของกำไรสุทธิเหลือร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ สำหรับรายได้ดังต่อไปนี้
2.1 รายได้จากการให้บริการด้านการบริหารหรือด้านเทคนิค การให้บริการสนับสนุน หรือ การบริหารเงินแก่วิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
2.2 ค่าสิทธิที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
ทั้งนี้ เฉพาะที่มีจำนวนรวมกันไม่เกินกว่ารายได้ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม 1.1 และ 1.2
3. ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่ IHQ สำหรับรายรับจากการให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจในเครือ ทั้งนี้ เฉพาะการให้กู้ยืมที่เป็นการบริหารเงิน
4. ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่คนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำ IHQ เหลือร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน
5. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับรายได้ดังต่อไปนี้
5.1 เงินปันผลที่ได้รับจาก IHQ ทั้งนี้ เฉพาะเงินปันผลที่จ่ายจากรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม 1.1 และ 1.2
5.2 ดอกเบี้ยที่ได้รับจาก IHQ ทั้งนี้ เฉพาะดอกเบี้ยจากเงินกู้ยืมที่ IHQ ได้กู้มาเพื่อให้กู้ยืมต่อแก่วิสาหกิจในเครือที่เป็นการบริหารเงิน
หมายเหตุ
1. ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงคำนิยามต่างๆ ของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้ง IHQ ได้จากพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 586)
2. ศึกษาหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่างๆ ของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้ง IHQ ได้จากประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการลดอัตราภาษีเงินได้ ยกเว้นภาษีเงินได้ และยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะของบริษัทซึ่งประกอบกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ
เป็นการให้สิทธิประโยชน์ลดอัตราและยกเว้นภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (International Trading Center: ITC) ในประเทศไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้
คำนิยาม
บริษัทการค้าระหว่างประเทศ หมายความว่า บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย เพื่อประกอบกิจการจัดซื้อและขายสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วน หรือให้บริการเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศแก่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
คุณสมบัติ
มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่ ๑๐ ล้านบาทขึ้นไป
มีรายจ่ายในการดำเนินงานซึ่งเกี่ยวกับกิจการของ ITC ที่จ่ายให้แก่ผู้รับในประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๑๕ ล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี
ยื่นคำร้องขอและได้รับอนุมัติให้เป็น ITC จากอธิบดีกรมสรรพากร
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
ระยะเวลาการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี : 15 รอบระยะเวลาบัญชี
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ ITC สำหรับรายได้จากการจัดซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศ โดยสินค้าดังกล่าวมิได้ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย หรือเข้ามาในประเทศไทยในลักษณะการผ่านแดนหรือ การถ่ายลำตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร และรายได้จากการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศแก่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ได้รับจากหรือในต่างประเทศ
ลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่คนต่างด้าวซึ่งทำงานประจำ ITC เหลือร้อยละ ๑๕ ของเงินได้พึงประเมิน
ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศและมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย สำหรับเงินปันผลที่ได้รับจาก ITC ทั้งนี้ เฉพาะเงินปันผล ที่จ่ายจากรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตาม 1.
หมายเหตุ
1. ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงคำนิยามต่างๆ ของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้ง ITC ได้จากพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 587)
2. ศึกษาหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่างๆ ของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้ง ITC ได้จาก ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 253) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้ ของบริษัทซึ่งประกอบกิจการบริษัทการค้าระหว่างประเทศ
#