ตะวันรุ่งที่ ทาทา  สตีล ผลประกอบการปีการเงิน 2560 กำไร  441  ล้านบาท หากไม่รวมการหักค่าใช้จ่ายพิเศษให้เตาหลอม MBF ตัวเลขกำไรมากถึง 1,059 ล้านบาท คาดมีโอกาสขายเตาหลอม MBF  .ในปีการเงิน 2561

นายราจีฟ  มังกัลป์  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวผลการดำเนินธุรกิจของบริษัท สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2560 และรอบปีการเงิน 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 สรุปสาระสำคัญคือ บริษัทมีปริมาณการขายในไตรมาสที่ 4 รอบปีการเงิน 2560 รวม 344,000 ตัน เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีการเงินเดียวกัน และไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน ร้อยละ 14 และร้อยละ 9 ตามลำดับ  จากปริมาณการขายดังกล่าวบริษัทมีรายได้สุทธิจากการขาย 5,846 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน และไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน ร้อยละ 26 และ 38 ตามลำดับ

“ปริมาณการขายรวมในรอบปีการเงิน 2560 อยู่ที่  1.263 ล้านตัน สูงกว่ารอบปีการเงิน 2559 ที่ทำได้ 1.145 ล้านตันร้อยละ 10 และยอดขายสุทธิในรอบปีการเงิน 2560 อยู่ที่ 19,701 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ารอบปีการเงิน 2559 ที่ทำได้ 16,733 ล้านบาท ร้อยละ 18”  นายราตีพกล่าวและว่า

EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย-ภาษีและค่าเสื่อมสินทรัพย์) ในไตรมาสที่ 4 ของรอบปีการเงิน 2560 อยู่ที่ 412 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน(ที่ 419 ล้านบาท)  และสูงกว่าไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนที่ 338 ล้านบาท ร้อยละ 22

นายราจีฟกล่าวว่าในปีการเงิน 2560 นี้บริษัทได้ปรับปรุงรายการค่าใช้จ่ายพิเศษจำนวน 618 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4 ของรอบปีการเงิน 2560 ประกอบด้วย ประมาณการด้อยค่าสินทรัพย์เตาถลุงเหล็กขนาดเล็ก (MBF) ซึ่งได้หยุดการผลิตมาตั้งแต่ปี 2554 จำนวน 528 ล้านบาท ประมาณการค่าเผื่อสินทรัพย์ล้าสมัย และตัดบัญชีของสินทรัพย์และวัตถุดิบคงคลังเก่าจำนวน 90 ล้านบาท ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ของรอบปีการเงิน 2560 (มกราคม-มีนาคม 2560) มีผลขาดทุนก่อนภาษีเงินได้ 386ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของรอบปีการเงิน 2560 (ตุลาคม-ธันวาคม 2559) ซึ่งมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 256 ล้านบาท และไตรมาสที่ 4 ของรอบปีการเงิน 2559 (มกราคม-มีนาคม 2559) ซึ่งมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 156 ล้านบาท แต่เมื่อไม่รวมผลกระทบดังกล่าวจะมียอดกำไรก่อนภาษีเงินได้ในไตรมาสที่ 4 ของรอบปีการเงิน 2560 จำนวน  232 ล้านบาท

บริษัทมี EBITDA ของรอบปีการเงิน 2560 (เมษายน 2559-มีนาคม 2560) จำนวน 1,734 ล้านบาท สูงกว่ารอบปีการเงิน 2559 (เมษายน 2558-มีนาคม 2559)ที่ทำได้ 877 ล้านบาท ร้อยละ 98 และมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ของรอบปีการเงิน 2560 (เมษายน 2559-มีนาคม 2560) จำนวน 441 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ารอบปีการเงิน 2559 (เมษายน 2558-มีนาคม 2559) ที่ทำได้ 223 ล้านบาท ร้อยละ 97 อย่างไรก็ตามหากไม่รวมผลกระทบจากการปรับปรุงรายการค่าใช้จ่ายพิเศษดังกล่าว จะมีผลดกำไรก่อนภาษีเงินได้ในรอบปีการเงิน 2560 จำนวน  1,059 ล้านบาท  นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ชำระหนี้สินจำนวน 402 ล้านบาท และชำระหนี้สินระยะยาวแล้วทั้งหมด  ส่วนยอดรวมขาดทุนสะสม 3,278  ล้านบาท ต้องรอเวลาที่นำผลกำไรสะสมมาหักออกทางบัญชี

นายราจีฟ มังกัล กล่าวถึงการประเมินตลาดเหล็กเส้นก่อสร้างว่า ความต้องการรวมในประเทศปีพ.ศ. 2560 อยู่ที่ 19.51 ล้านตัน ทรงตัวจากปี 2559 ที่มีความต้องการใช้เหล็กในประเทศอยู่ที่ 19.29 ล้านตัน ความต้องการใช้ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 60 มาจากธุรกิจก่อสร้างและการก่อสร้างภาครัฐที่ได้รับผลดีจากโครงการลงทุนภาครัฐ ในปี 2559 ปริมาณการใช้เหล็กในประเทศเติบโตถึง 15.4% จากปี 2558 ที่มีความต้องการใช้เหล็กในประเทศ จำนวน 15.72 ล้านตัน เพราะเป็นปีที่เริ่มต้นมีความต้องการใช้เหล็กจากโครงการลงทุนภาครัฐเข้ามา และส่งผลต่อเนื่องถึงปี 2560 

จากการประเมินภาพรวมตลาดดังกล่าว คาดว่าในรอบปีบัญชี 2561 (เมษายน 2560 - มีนาคม 2561)  ทาทา สตีลน มีโอกาสเพิ่มยอดขายขึ้นอีก 8-10 % จากยอดขาดปีการเงิน 2560 ที่ทำได้ 1,262,200 ตัน ดังนั้นจึงสามารถใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ  78 - 79 % ของกำลังการผลิตรวมที่มีอยู่ 1.7 ล้านตันต่อปี  ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดในประเทศ และการส่งออกหลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดตลาดใหม่ที่ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยงวดแรกส่งไปออสเตรเลีย 200 ตันเดือนพฤษภาคมนี้  ส่วนตลาดประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงอินเดียยังส่งออกอยู่ 

นายราจีฟกล่าวอีกว่า บริษัทยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการสรรหาผู้ซื้อที่มีศักยภาพในการซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์อะไหล่ของโครงการเตาถลุงเหล็กขนาดเล็ก (MBF) ซึ่งได้หยุดผลิตไว้เป็นการชั่วคราว ดังนั้น สินทรัพย์ดังกล่าวจึงได้รับการจัดประเภทรายการใหม่ให้เป็น สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ถือไว้เพื่อการขาย  การดำเนินการหาผู้ซื้อนั้น คาดว่าอาจสามารถจบการเจรจาซื้อขายได้ในรอบปีการเงิน 2561

มองภาพรวมเศรษฐกิจไทยแนวโน้มดี

ในโอกาสแถลงข่าวผลรายงานงบการเงินของบริษัท สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2560 และรอบปีการเงิน 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 ของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม  2560  นายราจีฟ มังกัลป์ได้กล่าวสรุปถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจไทยและสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นก่อสร้างดังนี้

ในปี 2559 เศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 3.2 ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2558 ซึ่งเติบโตร้อยละ 2.9 การบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ 3.1 เป็นผลจากการได้รับการสนับสนุนจากมาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนภาครัฐยังคงเติบโตดีต่อเนื่องจากการดำเนินการโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานหลายโครงการ ขณะเดียวกัน การเติบโตของการใช้จ่ายและบริโภคภาครัฐเมื่อเทียบปีต่อปียังคงเติบโตช้า สืบเนื่องจากการเร่งการใช้จ่ายเงินในงวดปีก่อนที่สูงขึ้นในช่วงที่มีการทำประมาณการ ทำให้อัตราการเติบโตลดลง การบริโภคทั้งของภาคเอกชนและการลงทุนของภาครัฐได้ขยายตัวต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้น และการเพิ่มการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมถึงการกระจายเงินและรายได้สู่เศรษฐกิจชนบท

เป็นที่คาดการณ์ว่างบประมาณในการลงทุนของภาครัฐในโครงการต่างๆ ในปี 2560 จะมีขนาดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีก่อน  นอกเหนือจากนั้น เศรษฐกิจไทยจะได้รับประโยชน์จากความพยายามของภาครัฐที่ยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

หมายเหตุ ผู้ร่วมแถลงข่าว นายราจีพ  มังกัลป์  กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ที่2 จากจากซ้าย)

นายวันเลิศ  การวิวิฒน์  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่-การผลิต (ซ้ายสุด)

นายศิโรตม์  เมธมโนศักดิ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-ทรัพยากรบุคคลและบริหาร (ขวาสุด)

นายชัยเฉลิม  บุญญานุวัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่-การตลาดและการขาย (ที่สองจากขวา)

#