เอปัส ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป อสังหาฯ เจ้าใหญ่พัทยา เปิดตัว “แอนโดรเมดา” คอนโดหรูสไตล์ Modern Luxury แห่งใหม่บนเขาพระตำหนัก มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ลบ. ชูจุดเด่น “Sea View” ทุกยูนิต ในมุมมอง 270 องศา ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2.8 ล้านบาท

เอปัส ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ในพัทยา เปิดตัวคอนโดแบรนด์

 แอนโดรเมดา” คอนโดมิเนียมระดับลักซัวรี่ แห่งใหม่บนเขาพระตำหนัก มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท ชูจุดเด่นด้านทำเล และการออกแบบที่จะทำให้ทุกยูนิตเห็นวิวทะเล Sea View เปิดกว้างถึง 270 องศา ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2.8 ลบพร้อมตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้ที่ 1,500 ล้านบาท ปีหน้าเตรียมเปิดคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 3โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท รวมทั้งบุกตลาดเพิ่มทั้งพัทยา ศรีราชา ระยอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล

 

นายเฉลิมพล โขนแจ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอปัส ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่พัทยา ชลบุรี มากว่า 10 ปี พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาแล้วจำนวน  โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ APUS CONDOMINIUM, CETUS, DELMARE BEACHFRONT ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากลูกค้าในพัทยา และจากกรุงเทพฯ สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ กำลังจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ บนเขาพระตำหนัก จังหวัดชลบุรี ภายใต้ชื่อ “ANDROMEDA” (แอนโดรเมดาดำเนินการพัฒนาโดย บริษัท คลิฟไซด์ เอ็นเตอร์ไพรส์เซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เอปัส ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป ในรูปแบบไฮไรซ์คอนโดมิเนียมสูง 36 ชั้น จำนวนเพียง 216 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,286 ล้านบาท โครงการตั้งอยู่บนที่ดินที่ดีและสวยที่สุดอีกแปลงหนึ่งบนหาด COSY BEACH  ซึ่งมีความสงบ เป็นส่วนตัว สวยงาม มุมมองเป็นทั้งทะเล และไหล่เขา เปรียบเหมือนได้อยู่บนคอนโดบนทะเลแถบเกาะซานโตรินี ของประเทศกรีก ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพสำหรับที่พักอาศัยของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารสวยๆ อีกหลายร้าน และที่สำคัญไม่ไกลจากตัวเมืองพัทยา สามารถขับรถเข้าสู่ใจกลางเมืองพัทยาเพียงไม่ถึง 10 นาที

 

นายเฉลิมพล กล่าวต่อถึงมุมมองและแผนการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ ว่า ผมคลุกคลีอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด ก่อนดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้ บริษัท เอปัส ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด ได้ดูแลธุรกิจของครอบครัว คือ บริษัท บ้านอำเภอเทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นดีลเลอร์ด้านวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ทางภาคตะวันออกของเอสซีจี รวมทั้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายสินค้าจากต่างประเทศ เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่พัทยาโดยกำเนิด เห็นความเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของทำเลและศักยภาพของพัทยามาโดยตลอด ที่พัทยานี้ ระยะหลังมีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งท้องถิ่น และรายใหญ่จากกรุงเทพ เข้ามาพัฒนาโครงการ ทั้งเพื่อขาย เพื่อปล่อยเช่า ซึ่งตลาดผู้บริโภคที่นี่เป็นตลาดที่หลากหลาย มีทั้งกลุ่มคนไทยที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยกลุ่มที่ซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง,  กลุ่ม Expat ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการในอสังหาฯ ที่แตกต่างกันไป สำหรับเอปัสแล้ว เรามุ่งพัฒนาโครงการทั้งเพื่อกลุ่มลูกค้าคนไทย และต่างชาติ ใช้เป็นบ้านหลังที่สอง สำหรับการพักผ่อน สิ่งสำคัญที่สุด คือ เราเน้นที่การดีไซน์ และคุณภาพของโครงการเป็นหลัก  เพื่อให้เป็นที่ยอมรับทั้งของคนไทย และชาวต่างชาติ และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้พัทยา มีความเติบโตและยั่งยืนต่อไป

 

สำหรับเอปัสฯ มีแนวคิดในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทตั้งแต่โครงการแนวสูง คือ คอนโดมิเนียม และแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม รวมถึงธุรกิจโรงแรม โดยวางแผนการดำเนินงานไว้ ระยะ คือ 1) ในระยะสั้น คือ ในปี 2560 - 2563 ได้วางแผนพัฒนาโครงการต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 3-5 โครงการ สำหรับ ในปี 2561 คาดว่าจะเห็นคอนโดอย่างน้อย โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท  2) ในระยะกลาง เราเริ่มที่จะขยายการพัฒนาโครงการออกไป นอกจากพื้นที่พัทยาแล้วเรามีแผนที่จะขยายไปยังพื้นที่อื่นเพิ่มเติม ได้แก่ อำเภอศรีราชา อำเภอสัตหีบ ระยอง และจะบุกใน กรุงเทพมหานคร และ 3) ในระยะยาว มีแผนที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้บริษัทมีความเจริญเติบโตเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้า ด้านแผนการดำเนินงานของบริษัท ในปีนี้วางเป้าไว้ยอดขายไว้ที่ 1,500 ล้านบาท และเติบโตให้ได้อย่างน้อยปีละ 20%

 

เราเชื่อว่า จุดแข็งที่ทำให้เอปัส สามารถแข่งขันกับบริษัทมหาชน หรือบริษัทที่มีผู้บริหารเป็นชาวต่างชาติได้ เพราะเรามีความเข้าใจในตลาดของพัทยาเป็นอย่างดี ทำให้สามารถบริหารต้นทุนรวมถึงค่าการตลาดได้ต่ำกว่า รวมทั้งมี Supply chain ที่แข็งแกร่ง มีพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน จึงสามารถเข้าถึงลูกค้าชาวจีนได้ไม่ยาก นอกจากนี้เรามีความแข็งแกร่งในด้านการเงิน จากการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายๆ โครงการ และการสนับสนุนทางด้านการเงินจากธนาคารชั้นนำ อีกทั้งบริษัทยังมี Land bank มากพอเพื่อการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในทุกปีอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” นายเฉลิมพล กล่าว

 

นายเฉลิมพล กล่าวถึงโครงการแอนโดรเมดา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโครงการล่าสุดของบริษัทว่า เราตั้งใจพัฒนาโครงการ ANDROMEDA (แอนโดรเมดาให้เป็น Landmark แห่งใหม่บนทำเลเขาพระตำหนัก จึงออกแบบและพัฒนาโครงการให้มีความเป็น Modern luxury และมีความ Unique  สะท้อนความเป็นส่วนตัวในทุกๆ ยูนิต รวมทั้งการวางผังโครงการแบบ Single corridor เพื่อให้ทุกยูนิตได้ชื่นชมความสวยงามของอ่าวพัทยาได้ทั้งกลางวันและกลางคืนในมุมมองที่กว้างถึง 270 องศา ด้านการออกแบบ เราให้ความสำคัญในแต่ละฟังก์ชั่นการใช้สอยของพื้นที่ทุกๆ ตารางเมตร และมอบสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลางอย่างครบครัน เราเลือกร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ อาทิ สถาปนิกโดยบริษัท KTGY, ออกแบบภายในโดยบริษัทMakeAscene, และ Landscape โดยบริษัท VISTAPAGODA . นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล Best High Rise Condo Architectural Design (Resort) จาก Thailand Property Awards ประจำปี 2017ด้วย

 

โครงการ แอนโดรเมดา ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1-2-83.6 ไร่ ซอยเกษตรสิน 11 ถนนเขาพระตำหนัก พัทยา จังหวัดชลบุรี มีห้องพักอาศัยให้เลือก รูปแบบ Studio พื้นที่ใช้สอย 27.05 - 28.14 ตารางเมตร แบบห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 33.99 – 53.30 ตารางเมตร และแบบ ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 58.89 – 74.67 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 2.8 – 10.82 ล้านบาท ภายในโครงการเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำ สวน พื้นที่สีเขียว ตู้จดหมาย ห้องประชุม ห้องสันทนาการ ฟิตเนส ห้องดูหนัง จุดชมวิวดาดฟ้า บ่อแช่น้ำในร่ม สตรีม ฯลฯ คาดว่าเริ่มก่อสร้างในปลายปี 2017และแล้วเสร็จประมาณไตรมาส ของปี 2019

 

นายเฉลิมพล กล่าวทิ้งท้ายถึงมุมมองของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาว่า  สำหรับตลาดพัทยาในปัจจุบัน ระยะสั้นได้รับผลกระทบบ้างจากปัจจัยเรื่อง Supply ที่เกิดขึ้นใน ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความเป็นพัทยา ซึ่งเป็นเมืองระดับโลกทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหมุนเวียนเข้ามาโดยตลอด จึงทำให้พัทยายังคงเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพียงแต่ผู้ประกอบการจะต้องมีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และพัฒนาโครงการให้เหมาะสมกับตลาดที่เปลี่ยนแปลงเสมอ