ชินด์เล่อร์ ลิฟต์ส สิงคโปร์ เปิดตัว "Schindler Ahead" ระบบดิจิทัลครบวงจรสำหรับลิฟต์และบันไดเลื่อน

เทคโนโลยีดิจิทัลสุดล้ำสำหรับลิฟต์และบันไดเลื่อนที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารและขับเคลื่อนนวัตกรรม

บริษัท ชินด์เล่อร์ ลิฟต์ส สิงคโปร์ ประกาศเปิดตัวระบบดิจิทัลครบวงจรสำหรับลิฟต์และบันไดเลื่อน "Schindler Ahead" ในสิงคโปร์ หนึ่งในเมืองที่ทันสมัยที่สุดในโลก ด้วยเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ที่ล้ำสมัย Schindler Ahead พร้อมแล้วที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรม

Jujudhan Jena ซีอีโอบริษัท จาร์ดีน ชินด์เล่อร์ กรุ๊ป กล่าวว่า "ความก้าวล้ำของชินด์เล่อร์ในด้านเทคโนโลยี IoT รวมถึง edge computing และการวิเคราะห์ขั้นสูง ทำให้ผลิตภัณฑ์และบริการเชื่อมถึงกันทั้งหมดอย่างชาญฉลาด ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากระบบไม่เพียงปฏิวัติคุณภาพการบริการเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนการเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย ในขณะที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง Schindler Ahead ก็จะพัฒนาการทำงานของลิฟต์ให้ดีขึ้นเพื่อลูกค้าและผู้โดยสารเช่นกัน"

Dr. Qiu Hai กรรมการผู้จัดการบริษัท ชินด์เล่อร์ ลิฟต์ส สิงคโปร์ กล่าวว่า "เรายินดีที่ได้นำระบบ Schindler Ahead มาสู่สิงคโปร์ หนึ่งในเมืองที่มีระบบดิจิทัลก้าวล้ำที่สุดในโลก มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2593 ประชากรโลก ใน จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง[1] ซึ่งจะทำให้โฉมหน้าของเมืองเปลี่ยนแปลงไป และต้องมีการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างลิฟต์และบันไดเลื่อนมากขึ้น Schindler Ahead สามารถรับมือกับความท้าทายที่มาพร้อมกับการขยายเมืองอย่างรวดเร็ว เพื่อมอบผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจให้แก่เจ้าของสินทรัพย์ในสิงคโปร์และทั่วโลก เรามองว่าสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและผู้นำด้านเทคโนโลยี IoT ลูกค้าของเราจึงได้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีใหม่นี้เป็นกลุ่มแรกๆ และจนถึงตอนนี้ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี"

ระบบ Schindler Ahead สามารถคาดการณ์ปัญหาการให้บริการที่อาจเกิดขึ้น และแก้ไขก่อนที่จะเกิดปัญหา ทำให้ลิฟต์และบันไดเลื่อนอยู่ในสภาพสมบูรณ์และช่วยลดเวลาที่ต้องหยุดใช้งาน ขณะเดียวกัน แอปที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะจะช่วยให้เจ้าของอาคารและผู้จัดการอาคารสามารถตรวจสอบการทำงาน ประสิทธิภาพ และข้อมูลเชิงพาณิชย์ของลิฟต์และบันไดเลื่อน เพื่อให้สามารถดูแลจัดการได้ดีขึ้น นอกจากนี้ นวัตกรรมต่างๆจากระบบนิเวศของ Schindler Ahead ยังสร้างความมั่นใจว่าลิฟต์และบันไดเลื่อนจะได้รับการอัปเดตข้อมูลเป็นประจำผ่านทาง Schindler Cloud ขณะเดียวกันยังมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่น Firewalls, Program Encapsulation และการเข้ารหัสมาใช้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลตามมาตรฐานสูงสุด เช่น ISO 2700X และมาตรฐานของสถาบันมาตรฐานแห่งชาติ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของข้อมูล

Mr. Nima Bahadori ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ บริษัท ชินด์เล่อร์ ลิฟต์ส สิงคโปร์ กล่าวว่า "สำหรับสิงคโปร์ Schindler Ahead จะช่วยรับมือกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้วย เพราะมีรายงานว่าสิงคโปร์จะต้องการช่างบำรุงรักษาลิฟต์และบันไดเลื่อนเพิ่มอีก 1,000 คนตลอด 10 ปีข้างหน้า [2] โดย Schindler Ahead จะเข้ามาเติมเต็มทักษะของบุคลากรเหล่านี้ ด้วยการมอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพและการทำงานของลิฟต์ นอกจากนี้ ระบบแบบปิดของเราจะช่วยสร้างฐานข้อมูลที่สามารถนำไปคาดการณ์ปัญหา และทำการบำรุงรักษาก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น"

ขยายความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอุตสาหกรรมของชินด์เล่อร์ไปสู่อนาคต

Schindler Ahead เปิดศักราชใหม่ให้กับชินด์เล่อร์บนเส้นทางดิจิทัลที่เริ่มขึ้นเมื่อกว่า 10 ปีมาแล้ว และแบ่งเป็นสามช่วงใหญ่ๆ ได้แก่ IT rationalisation, Operational Excellence และ Leading-edge Digital Business โดยบริษัทได้ปฏิวัติการเคลื่อนย้ายในเมืองและก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมอุตสาหกรรม เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) สุดล้ำทำให้ Schindler Ahead สามารถพลิกโฉมอุตสาหกรรม เพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของลิฟต์ ตลอดจนสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นให้แก่ผู้โดยสาร

ต่อยอดยุทธศาสตร์ "ชาติอัจฉริยะ" ของสิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นตลาดที่พร้อมใช้งานระบบ Schindler Ahead เพราะเป็นประเทศที่เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบของชินด์เล่อร์จะช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ "ชาติอัจฉริยะ" ของรัฐบาลสิงคโปร์ ด้วยการตอบสนองทั้งเป้าหมายการเคลื่อนย้ายในเมืองแบบอัจฉริยะและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IoT