มหานครต้องมีความพร้อมทางกายภาพอย่างทั่วด้าน ไล่เรียงตั้งแต่การคมนาคมขนส่งทั้งการขนส่งมวลชนระบบราง และอื่นๆ เป็นโครงข่ายกัน ระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัยรวดเร็วเพียงพอ รวมทั้งอาคารที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชยกรรม และบริการ จนถึงอาคารสำนักงานทั้งขายพื้นที่และให้เช่า ในครั้งนี้โฟกัสกันที่อาคารสำนักงานให้เช่า
ความพร้อมแบบคู่แฝดอิน-จัน
คู่แฝดอิน-จันคือตัวติดกัน อาคารสำนักงานให้เช่ากับมหานครเป็นเช่นนั้น
จึงไม่แปลกที่อาคารสำนักให้เช่าในประเทศไทยในสัดส่วนกว่าร้อยละ 80 ของพื้นที่สำนักงานทั้งประเทศกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล (Bangkok Metropolitan Region: BMR) และยังมีศูนย์กลางของการกระจุกตัวนั่นคือ อาคารทันสมัยต่างๆ อาทิ อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าชั้นนำ โรงแรมและที่พักอาศัยระดับบน เหล่านี้ ก็เบียดแน่นกันในโซนศูนย์กลางทางธุรกิจ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ (Central Business District : CBD)
ปัจจัยสนับสนุนเป็นเรื่องที่มองเห็นกัน นั่นคือ การคมนาคมที่สะดวกเพราะมีระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนรองรับทั้ง BTS และ MRT มีทางด่วนที่เชื่อมโยงทั้งพื้นที่ในเมืองด้วยกันเองได้แก่ย่านสีลม สาทร เพลินจิต วิทยุ อโศก และย่านสุขุมวิทตอนต้น (ถึงซอยสุขุมวิท 24) กับพื้นที่รอบนอกชานเมือง เช่น บางนา-ตราด รามอินทรา ลำลูกกา พุทธมณฑล เป็นต้น
อย่างไรก็ตามที่ดินนั้นมีจำกัด อีกทั้งการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสร้างโอกาสให้พื้นที่อื่นๆ สามารถพัฒนาเป็นศูนย์รวมอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม และอาคารพาณิชยกรรมขนาดใหญ่ รวมทั้งโครงการมิกซ์ยูสต่างๆ เช่น ถนนรัชดาภิเษก พหลโยธิน วิภาวดีรังสิต แจ้งวัฒนะ จนถึงบางนา เป็นต้น
เงื่อนไขคู่แฝดของอาคารสำนักงานให้เช่า (รวมทั้งอาคารใหญ่ที่ก่อสร้างเป็นคอนโดมิเนียม อาคารศูนย์การค้า คอมเพล็กซ์ และอาคารมิกซ์ยูสต่างๆ) คือ หนึ่งความสะดวกทางด้านการคมนาคมขนส่ง มีระบบขนส่งมวลชน มีถนนที่ดีพอ หรือใกล้เคียงการขึ้นลงเชื่อมต่อกันทางด่วน และสอง มีที่ดินเพียงพอในการก่อสร้าง(และเงือนไขทางกฎหมายผังเมืองและกฎหมายควบคุมอาคารรองรับ)
รูปแบบบังคับของอาคารสำนักงานให้เช่า
กล่าวแล้วเป็นรูปแบบบังคับของอาคารที่สร้างเพื่อเป็นสำนักงาน เพื่อการอยู่อาศัย และหรือเป็นคอมเพล็กซ์ในพื้นที่ซึ่งมีความพร้อมทางด้านคมนาคมขนส่งและอื่นๆ ดังกล่าว
รูปแบบที่เหมาะสมกับราคาที่ดินที่สูงมาก นั่นคือต้องสร้างให้มีพื้นที่ใช้สอยของตัวอาคารมากที่สุดเท่าที่เงื่อนไขทางกฎหมายต่างๆ กำหนด
ตามกฎหมายผังเมืองปัจจุบัน (กฎกระทรวงใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2556 ทั้งนี้ร่างกฎหมายผังเมืองกทม.ฉบับแก้ไขครั้งที่ 4 ยังไม่ได้ประกาศใช้) มีรูปแบบการก่อสร้าง 2 ประเภทคือ อาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่
“อาคารสูง” หมายความว่า อาคารที่บุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้โดยมีความสูงตั้งแต่ 23.00เมตรขึ้นไป
“อาคารขนาดใหญ่” หมายความว่า อาคารที่มีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกันเกิน 2,000ตารางเมตรหรืออาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 15.00เมตรขึ้นไป และมีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกันเกิน 1,000ตารางเมตรแต่ไม่เกิน 2,000ตารางเมตร
(กฎหมายผังเมืองกทม. ฉบับแก้ไขครั้งที่ 4 รวบความหรือนิยามอาคารสูงให้อยู่ในคำจำกัดความอาคารขนาดใหญ่)
เมื่อสร้างอาคารสำนักงานให้เช่าในรูปแบบอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่ ดังนั้นการให้เช่าจึงมีทั้งเช่าแบบเหมาตึก เหมาชั้น และเช่าพื้นที่ซอยย่อยขนาดไม่ใหญ่รวมอยู่ในชั้นเดียวกัน แน่นอนความเจ้าของอาคารสำนักงานให้เช่าต้องสร้างและเตรียมความพร้อมด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เช่า เช่น ไฟฟ้า ระบบโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วภายในอาคาร ระบบรับสัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ระบบปรับอากาศ ลิฟต์ ที่จอดรถ เป็นต้น
เกมของธุรกิจขนาดใหญ่-เงินทุนพร้อม
อุตสาหกรรมและธุรกิจที่มีลักษณะการใช้เงินทุนสูง Capital Intensive นั้นเป็นธรรมดาที่ บริษัทขนาดใหญ่มีความพร้อมด้านเงินทุนทั้งของตนเองและจากช่องทางอื่นๆ (ตราสารหนี้ เงินกู้ เป็นต้น) ธรรมชาติเช่นนี้ปรากฏในลักษณะการลงทุนสร้างอาคารสำนักงานให้เช่าในพื้นที่ CBD และพื้นที่ “CBD ใหม่” ดังนั้นสัดส่วนตลาดแทบทั้งหมดจึงเป็นของธุรกิจรายใหญ่ที่มีเงินทุนมาก และหรือมีที่ดินสะสมอยู่ในมือ(รวมทั้งมีความสามารถพิเศษในการรวบรวมที่ดินให้ได้ตามต้องการ)
เมื่อมีการวางแผนธุรกิจที่ดี รวมทั้งเงื่อนไขทางกฎหมายและจังหวะเวลาที่เหมาะสม จนถึงปัจจัยสำคัญคือขนาดแปลงที่ดิน (อาคารขนาดใหญ่อย่างน้อยต้องมีที่ดินขนาด 6-7 ไร่ เฉลี่ย 10,000 ตารางเมตรหรือ2,500 ตารางวา) และข้อจำกัดทางกฎหมาย ทำให้ในช่วงเวลาปี 2560-2561 เกิดซัพพลายอาคารสำนักงานให้เช่าในย่าน CBD ไม่มากนัก โครงการขนาดใหญ่สร้างเป็นมิกซ์ยูสที่ติดขอบ CBD มีเพียงไอคอนสยามที่เปิดบริการบางส่วน โครงการอื่นๆ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือกำลังวางแผนรายละเอียดโครงการ
สำหรับพื้นที่ “CBD ใหม่” หรือพื้นที่ย่านรอบนอก CBD เดิม จนถึงเขตปริมณฑลนั้น พื้นที่ที่เหมาะสมมักอยู่ในมือของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางถึงใหญ่ ในกรณีที่ไม่ได้พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม หากทำเป็นอาคารสำนักงานมักเป็นอาคารสำนักขนาดเล็กหรือขนาดกลางเพื่อใช้เป็นที่ตั้งธุรกิจของตนเอง และอาจมีพื้นที่บางส่วนแบ่งเช่าหรือสร้างเป็นอาคารพาณิชย์บางส่วนเอื้ออำนวยให้เกิดบริการที่อำนวยความสะดวกให้พนักงานหรือผู้มาติดต่อธุรกิจต่างๆ
ซัพพลายค่อนข้างจำกัด ค่าเช่าจึงมีอัตราเพิ่มที่ดี
หลักเกณฑ์โดยรวมของอัตราค่าเช่าสำนักงาน (ศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์เรียกรวมว่า “ค่าเช่าที่ตั้ง”) ข้อแรกและสำคัญมากคือ ทำเลที่ตั้ง เพราะทำเลนั้นหมายความรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ความสะดวกในการเดินทาง ความพร้อมของสาธารณูปโภค-สาธารณูปการ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
ทำเลเป็นความได้เปรียบทางธรรมชาติ เมื่อสร้างอาคารสำนักงานขึ้นแล้วจึงมีองค์ประกอบอื่นๆ ให้พิจารณาประกอบ อาทิ เกรดหรืออันดับชั้นของอาคารสำนักงานนั้นๆ ความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทางกายภาพ ความพร้อมของระบบรักษาความปลอดภัย และความพร้อมของบริการประกอบต่างๆ
นอกจากเรื่องทำเลเป็นประเด็นสำคัญสุดแล้ว ประเด็นการมีผู้เช่าในสัดส่วนเท่าไหร่ หรือ อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ก็เป็นปัจจัยขับเคลื่อนอัตราค่าเช่า หมายความถึงความต้องการเช่ามีมากน้อยนั่นเอง
ข้อมูลของฝ่ายวิจัยกรุงศรีอยุธยาระบุถึง Occupancy Rate ของอาคารสำนักงานให้เช่าไว้อย่างน่าสนใจดังนี้
Occupancy Rate เฉลี่ยตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าของ Emerging Market อยู่ที่ร้อยละ 83.3
ขณะที่กรุงเทพฯ- CBD อยู่ที่ร้อยละ 92.4 เทียบเคียงหน่วยเดียวกันจาการ์ตาอยู่ที่ 74.0 กัวลาลัมเปอร์ 82.3 มุมไบ 83.8 ฮานอย 86.6 มะนิลา 92.2 เมืองที่สูงกว่าไทยคือ โอจิมินซิตี้ ร้อยละ 92.6
อีกข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจคือ กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตของค่าเช่าอาคารสำนักงานสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สะท้อนจากดัชนีฯ ในไตรมาส 3 ปี 2560 ที่ เพิ่มขึ้น 4.4%QoQและ 3.9%YoY และคาดว่าดัชนีดังกล่าวจะมีการ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อยอีก 2 ปี ตามปริมาณความต้องการที่ยังคง แข็งแกร่งขณะที่อุปทานเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
กลุ่มธุรกิจที่การพื้นที่สำนักงานมาจากทั้งบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยี (Techcompany) ได้แก่ การสื่อสารโทรคมนาคม การซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านออนไลน์ ที่มีแนวโน้มเช่า พื้นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากการขยายพื้นที่ให้บริการของบริษัทที่กำลังดำเนินธุรกิจอยู่ และจากการเช่าพื้นที่เพื่อเปิดสานักงานใหม่ (ข้อมูลจากJones Lang LaSalle Incorporated (JLL)บริษัทจัดการด้านการลงทุนชั้นนาของสหรัฐฯ ที่เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ )
เมื่อเป็นเช่นนี้อำนาจการต่อรองของผู้ประกอบการธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าจึงสูงกว่า ย่อมส่งผลให้ค่าเช่าอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ- CBD เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แต่อีกไม่นานดุลแห่งอำนาจการต่อรองย่อมเปลี่ยนแปลงไป จากปัจจัยสำคัญคือ
หนึ่ง การเริ่มต้นบังคับใช้ผังเมืองรวมกรุงเทพฯ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 (คาดว่าจะประกาศใช้ได้ช่วงปลายปี 2562) ซึ่งมีผลให้เปิดพื้นที่ใหม่ และขยายการใช้ประโยชน์จากที่ดินด้วยกฎ FAR (Flow Area Ratio) ใหม่ ที่มากกว่าเดิม
สอง การเริ่มเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน จนครบวงจรเป็นวงกลม บางซื่อ-หัวลำโพง-ท่าพระ-จรัลสนิทวงศ์-บางซื่อ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (เขียวล่าง และเขียวบน)
สาม ศักยภาพของไอคอนสยามที่มีผลต่อเนื่องหลายปีในการทำให้การใช้สอยพื้นที่ย่านฝั่งธนบุรีที่ใกล้เคียงเขตคลองสานมีการปรับเปลี่ยน จนเกิดเป็น “CBD .ใหม่” อย่างรวดเร็ว
สี่ อัตราความเจริญทางเศรษฐกิจอาจไม่สูงเท่าที่หวัง อีกทั้งมีโอกาสที่บริษัทขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งไปวิเคราะห์โอกาสในการตั้งอาคารสำนักงานในพื้นที่ที่ได้รับความสะดวกจากโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อสามสนามบิน อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง
เมื่อพิจารณารวมๆ กันแล้ว “ยุคทองอาคารสำนักงานให้เช่า” อาจชะลอลงเล็กน้อย
รูปธรรมหนึ่งของเกมการต่อรองคือ อายุสัญญาการเช่า และเงื่อนไขต่างๆ ประกอบ
(ยังมีต่อ) อาคารสำนักงานให้เช่า กับซัพพลายใหม่และเงาของคู่แข่งแบบใหม่ Co-working space
#