- China Fortune Land Development (CFLD) หนึ่งใน 50 บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในเอเชีย (Asia's Fab 50) ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสาร Forbes ตั้งสำนักงานใหญ่ระหว่างประเทศในสิงคโปร์ ภายใต้ชื่อ CFLD International

 

- เซ็น MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านการศึกษานานาชาติรายแรกของ CFLD เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม และบูรณาการการวิเคราะห์ธุรกิจและการวิจัย เพื่อจัดการกับความท้าทายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสมาร์ทซิตี้

 

- MOU เป็นส่วนหนึ่งของการขยายการเข้าถึงชุมชนของ CFLD เพื่อเตรียมคนเก่งหรือผู้ที่มีศักยภาพสูงให้พร้อมรองรับความต้องการของอุตสาหกรรม

 

China Fortune Land Development (CFLD) ผู้นำการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมใหม่ ได้เริ่มต้นการดำเนินงานในต่างประเทศ ด้วยการเปิดสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้ชื่อ CFLD International กลยุทธ์ธุรกิจโดยรวมของ CFLD International จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างฐานธุรกิจในตลาดสำคัญๆ นอกประเทศจีน เช่นในแอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

บรรยายภาพ - จากซ้ายไปขวา: พิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างศาสตราจารย์ Mohan Kankanhalli คณบดี NUS School of Computing, คุณ Jerry Zhao ประธาน CFLD International และ ศาสตราจารย์ Bernard Yeung คณบดี NUS Business School เครดิตภาพ: CFLD International

 

 

 

คุณ Jerry Zhao ประธานของ CFLD International กล่าวว่า "เราได้เลือกที่จะตั้งสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ เนื่องด้วยสิงคโปร์มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมั่นคง ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งของโลกทั้งในด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี การศึกษา การบริการทางการเงิน และอีกมากมาย

 

นอกจากนี้ วิสัยทัศน์ของสิงคโปร์ในการเป็นประเทศอัจฉริยะ หรือ Smart Nation นั้น มีความสอดคล้องกับเป้าหมายของ CFLD International ในการช่วยพัฒนา "เมืองอุตสาหกรรมใหม่" ระดับโลก รวมทั้งการได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลทั่วโลกให้เป็นพันธมิตรสร้างสรรค์โซลูชั่นนวัตกรรมสำหรับชุมชนเมือง เพื่อจัดการกับความท้าทายต่างๆ ที่อุตสาหกรรมทั่วโลกเผชิญ ทั้งในวันนี้และวันพรุ่งนี้

 

ความร่วมมือทางวิชาการครั้งแรกของ CFLD International ที่เกิดขึ้นนอกประเทศจีน

 

CFLD International เริ่มต้นการดำเนินธุรกิจในสิงคโปร์ ด้วยการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับศูนย์วิเคราะห์ธุรกิจ Business Analytics Centre (BAC) ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ หรือ National University of Singapore (NUS) ที่ถือกำเนิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง NUS Business School กับ NUS School of Computing เพื่อยกระดับความท้าทายในอุตสาหกรรมสมาร์ทซิตี้ของโลก โดยตัวแทนจากทั้งสามฝ่ายได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ได้แก่คุณ Jerry Zhao ประธานของ CFLD International, ศาสตราจารย์ Bernard Yeung คณบดี NUS Business School และศาสตราจารย์ Mohan Kankanhalli คณบดี NUS School of Computing

 

คุณ Jerry Zhao กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับสถาบันการศึกษาชั้นแนวหน้าของโลกอย่าง NUS เพื่อจัดการกับปัญหาท้าทายทางสังคมเฉพาะจุด พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมใหม่ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค และด้วยความร่วมมือนี้ เราหวังว่าจะสามารถใช้ข้อได้เปรียบจากการประสานงานระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อร่วมสร้างสรรค์โซลูชั่นนวัตกรรมที่มีการทำงานแบบบูรณาการสำหรับอนาคตข้างหน้าต่อไป"

 

ความร่วมมือระยะเวลา 3 ปีระหว่าง CFLD International และ NUS BAC มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการวิจัยทางวิชาการและการจัดอบรมให้ความรู้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและในแบบเรียลไทม์ภายในอุตสาหกรรมเมืองอุตสาหกรรม นอกจากนี้ CFLD International จะให้ทุนสนับสนุนหลักสูตรและโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเงินสนับสนุน ทุนการศึกษา และการฝึกงาน และยังมีแผนจัดการสัมมนาร่วมตลอดระยะเวลา 3 ปี ในเรื่องบิ๊กดาต้า ระบบวิเคราะห์ธุรกิจ และนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ในขอบข่ายการวางแผนและพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมใหม่

 

มุ่งสู่อนาคตการพัฒนาชุมชนเมืองอัจฉริยะ ผ่านการวิเคราะห์ธุรกิจ  

 

หนึ่งในไฮไลท์ของการลงนาม MOU ในครั้งนี้คือ CFLD Milestone Project Series โดย CFLD International จะมอบเงินทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ เป็นระยะเวลาสูงสุด 3 ปี เพื่อสนับสนุนข้อเสนอโครงการเชิงสร้างสรรค์ที่สามารถจัดการกับความท้าทายทางสังคม รวมถึงขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมใหม่ (NIC) ซึ่งแนวทางพัฒนาชุมชนเมืองอัจฉริยะเหล่านี้จะช่วยเตรียมสังคมให้พร้อมรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปัจจุบันประชากรเมืองทั่วโลกมีสัดส่วนอยู่ที่ 54% และคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 1.8% ในอีก 13 ปีข้างหน้า [1] ตามตัวเลขที่เปิดเผยโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)

 

ศาสตราจารย์ Mohan Kankanhalli กล่าวว่า "ภาคธุรกิจจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมายจากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดจากประชากรและองค์กรต่างๆ ในปัจจุบัน โดยอาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อแปลข้อมูลจากคลังสารสนเทศอันทรงคุณค่านี้ ซึ่งในเรื่องนี้ CFLD Milestone Project Series จะเข้ามาส่งเสริมความพยายามของ NUS BAC และ CFLD ในการผลักดันการวิจัยด้านบิ๊กดาต้า การวิเคราะห์ธุรกิจ และเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ให้ก้าวหน้า เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมสมาร์ทซิตี้สามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนเมืองได้"

 

มอบเงินทุนสนับสนุนการพัฒนาคนเก่ง เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคง  

 

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว CFLD International จะมอบทุนการศึกษา CFLD Scholarship อย่างน้อยปีละ 1 ทุน ให้แก่นักศึกษาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการวิเคราะห์ธุรกิจ ของ NUS 

 

นอกจากนี้จะมีการเปิดหลักสูตร CFLD Business Analytics Capstone Internship Programme ซึ่งจะรับสมัครนักศึกษา NUS เข้าร่วมหลักสูตรอย่างน้อย 5 คนในระยะเวลา 3 ปี เพื่อมอบประสบการณ์ตรงและการฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับการวิเคราะห์ธุรกิจ ตลอดจนการประยุกต์ใช้ความรู้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมใหม่ (NIC) ซึ่งในช่วงการฝึกงานระยะเวลา 3 เดือนนั้น นักศึกษาจะมีโอกาสได้ทำงานในสำนักงานของ CFLD International นอกสิงคโปร์   

 

ศาสตราจารย์ Bernard Yeung กล่าวว่า "เป็นเรื่องสำคัญที่นักเรียนของเราจะมีโอกาสได้นำความรู้ในห้องเรียนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่ามกลางบรรยากาศทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงและมีการแข่งขันสูง การเรียนรู้เชิงประสบการณ์และการพัฒนาอาชีพจึงเป็นกุญแจสำคัญต่อการพัฒนาและความสำเร็จของผู้เรียนในช่วงเวลาที่ศึกษาอยู่ที่ NUS Business School ทั้งนี้ ความเป็นพันธมิตรของเรากับ CFLD จะยกระดับประสบการณ์ของนักศึกษาได้อย่างแท้จริง และเป็นการเตรียมความพร้อมพวกเขาเพื่อความปรารถนาในอาชีพที่มีคุณค่าภายหลังจบการศึกษา"

 

เกี่ยวกับ CFLD International

 

CFLD International เป็นผู้นำโลกด้านการพัฒนาชุมชนเมืองแบบบูรณาการ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ บริษัทให้ความสำคัญกับการลงทุน การพัฒนา และการดำเนินงานในเมืองอุตสาหกรรมใหม่ในตลาดการพัฒนาที่สำคัญทั่วเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และแอฟริกา

 

CFLD International ดำเนินการวางแผนแม่บทและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัท และได้เปลี่ยนแปลงชุมชนชนบทสู่ชุมชนเมือง ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ทางสังคมของพลเมือง

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CFLD International กรุณาเข้าชมที่ http://en.cfldcn.com/

 

เกี่ยวกับ NUS Business School

 

National University of Singapore (NUS) Business School ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันที่สร้างผู้นำความคิดด้านการบริหารผ่านมุมมองแบบเอเชีย ซึ่งช่วยให้นักศึกษาและองค์กรพันธมิตรได้ใช้ประโยชน์จากความรู้ระดับโลก และความเข้าใจเอเชียอย่างลึกซึ้ง

 

NUS Business School ติดอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่องในเรื่องคุณภาพของหลักสูตร การวิจัย และบัณฑิต จากการจัดอันดับโดยสื่อและหน่วยงานอิสระ อาทิ The Financial Times, Economist Intelligence Unit และ QS Top MBA ล่าสุด NUS MBA ติดอันดับที่ 26 ในการจัดอันดับหลักสูตร MBA ที่ดีที่สุดของโลกประจำปี 2560 โดย Financial Times Global Rankings ขณะที่หลักสูตร NUS-UCLA Executive MBA และ Asia-Pacific Executive MBA ติดอันดับที่ 6 และ 17 ตามลำดับ ในปี 2559

 

นอกจากนี้ในปี 2558 NUS Business School ยังรั้งอันดับที่ 7 โรงเรียนธุรกิจนอกสหรัฐอเมริกาที่มีหลักสูตร MBA ระยะ 2 ปีที่ดีที่สุด ซึ่งจัดอันดับโดย Forbes ทุกๆ 2 ปี รวมทั้งติดอันดับที่ 12 ในการจัดอันดับหลักสูตรการบัญชีและการเงินที่ดีที่สุดในโลกของ Quacquarelli Symonds (QS)

 

NUS Business School ได้รับการรับรองวิทยฐานะจาก AACSB International (Association to Advance Collegiate Schools of Business) และ EQUIS (European Quality Improvement System) ว่าเป็นสถาบันที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสูงสุดในด้านธุรกิจศึกษา นอกจากนี้ NUS Business School ยังเป็นสมาชิกของ GMAC Council, Executive MBA Council, Partnership in Management (PIM) และ CEMS (Community of European Management Schools) อีกด้วย

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ bschool.nus.edu.sg หรือเข้าไปที่ Think Business ซึ่งจัดแสดงผลงานวิจัยของ NUS Business School

 

 

เกี่ยวกับ NUS School of Computing

 

NUS Computing เริ่มต้นจากการจัดตั้งภาควิชาคอมพิวเตอร์ระดับอุดมศึกษาแห่งแรกในสิงคโปร์ เมื่อปี 2518 ปัจจุบันเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรี 5 หลักสูตร หลักสูตรสองปริญญาและหลักสูตรคู่ขนานหลากหลายหลักสูตร นอกจากนี้ยังมีหลักสูตรปริญญาโทขั้นสูงและปริญญาเอก สำหรับการศึกษาเฉพาะทางในสาขาวิชาใหม่ๆ ที่มีความสำคัญ

 

NUS Computing มีคณาจารย์และบุคลากร 200 คน นักศึกษา 2,000 คน และศิษย์เก่ามากกว่า 15,000 คน ด้วยประสบการณ์เป็นเลิศที่ได้รับระหว่างการศึกษา ประกอบกับผู้ที่มีทักษะความสามารถด้านคอมพิวเตอร์เป็นที่ต้องการในทุกแวดวงและอุตสาหกรรม ทำให้บัณฑิตที่จบจาก NUS Computing เป็นที่ต้องการอย่างสูง ทั้งนี้ บุคลากร นักศึกษา และศิษย์เก่าของสถาบันได้มีส่วนร่วมในผลงานระดับรางวัลที่มีความหลากหลาย สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และมีความสร้างสรรค์แปลกใหม่ จึงทำให้ NUS Computing ได้รับการจัดอันดับเป็นคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลกมาอย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NUS Computing กรุณาเข้าชมที่ http://www.comp.nus.edu.sg/

 

 

[1] http://www.un.org/en/development/desa/news/population/world-urbanization-prospects-2014.html