AREA แถลง ฉบับที่ 360/2560: วันพุธที่ 13 กันยายน 2560
 
         ประชากรผู้สูงวัยของไทยมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมือปี 2513 ประชากรส่วนใหญ่ในไทยเป็นวัยเด็กเป็นสำคัญ  สมัยนั้นหลายๆ ท้องที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ด้วยซ้ำไป  ตกค่ำก็คงนอน  กิจกรรมเดียวที่มีก็คงเป็น "เรื่องบนเตียง" หรือ "เรื่องในมุ้ง" ทำให้ประชากรออกลูกออกหลานกันมามากมาย  แต่พอถึงปี 2533 สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยน  ประชากรเด็ก ๆ เกิดน้อยลง  ยุค "เบบี้บูม" ได้ผ่านพ้นไปแล้ว  ประชากรที่เป็นเด็กหรือ "เบบี้" ในยุคก่อนก็เข้าสู่ยุคผู้ใหญ่กันแล้ว  ทำให้กำลังแรงงานของไทยเราเพิ่มมากขึ้น
         ประชากรในปี 2553 หรืออีก 20 ปีต่อมา เริ่มปรากฏชัดยิ่งขึ้นว่าไทยจะเข้าเข้าสู่ยุคประชากรสูงวัยกันมากขึ้น เพราะเหล่า "เบบี้" เมื่อ 40 ปีก่อน เริ่มกลายเป็นวัยกลางคนเข้าไปแล้ว  และปรากฏชัดว่าในไม่ช้าก็คงจะกลายเป็นประชากรสูงวัย  ด้วยเหตุนี้ในอีก 20 ปีถัดมาหรือปี 2573 ก็จะมีประชากรสูงวัยเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดเข้ามาแทนที่  ประชากรสูงวัยเป็นประชากรที่ผลิตน้อยลง แต่บริโภคมากขึ้น  บำนาญต่าง ๆ ที่จะได้รับ จะเพียงพอต่อประชากรกลุ่มนี้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ  แต่โดยที่ประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่แล้ว  มีรายได้มากขึ้นแล้ว ก็คงสามารถเลี้ยงดูประชากรกลุ่มนี้ที่ทำคุณต่อชาติมามากนักในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาได้
         ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ซึ่งทำการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2537 พบว่าการสร้างโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับประชากรสูงวัยนั้นยังมีน้อยมากหรือแทบจะเรียกว่าไม่มีเลย  แต่ก็เริ่มมีขึ้นบ้างแล้ว โดยเฉพาะที่เป็นข่าวใหญ่ว่า "หมอบุญ วนาสิน" จะสร้างโครงการอาคารชุดสำหรับประชากรสูงวัยแถวคลองหลวงจำนวนถึงราว 2,000 หน่วย  ก็นับเป็นข่าวฮือฮามากเช่นกัน
         สิ่งที่โครงการจัดสรรทั้งหลายกำลังดำเนินการอยู่ก็คือ การพยายามสร้างห้องในทาวน์เฮาส์ หรือในบ้านเดี่ยวที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงวัย เช่น
         1. ตั้งอยู่ชั้นล่างเพื่อไม่ต้องปีนป่าย
         2. มีอุปกรณ์เสริมเพื่อการเดินเหิน การเคลื่อนย้ายประชากรผู้สูงวัย
         3. มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาสนับสนุน
         4. มีระบบอัจฉริยะ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการดูแลผู้สูงวัย
         5. มีพยาบาลหรือหน่วยฉุกเฉินประจำการในหมู่บ้าน คอยดูแล เป็นต้น
 
         การทำสิ่งเหล่านี้จะทำให้หน่วยขายประเภททาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อซึ่งเป็นครอบครัวขยายได้ในระดับหนึ่ง  ทำให้ชีวิตการทำงานและการอยู่อาศัยร่วมกับผู้สูงวัยง่ายขึ้น
         สำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย ซึ่งอาจเป็นห้องชุด หรือทาวน์เฮาส์ หรือห้องในบ้านเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของผู้สูงวัยนั้น เป็นลู่ทางการลงทุนที่สำคัญในฐานะที่เป็น Market Niche สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน  ในภาวะที่บ้านจัดสรรและอาคารชุดขายได้ยาก ขายช้า  การฉีกแนวมาสร้างบ้านผู้สูงวัยอาจเป็นทางออกหนึ่งที่เป็นไปได้  และอาจทำให้สามารถซื้อง่าย-ขายเร็วได้ด้วยเช่นกัน  สินค้าที่ควรดำเนินการได้แก่:
         1. บ้านพักผู้สูงวัยที่ยังช่วยตนเองได้ดี
         2. บ้านพักผู้สูงวัยที่ช่วยตนเองได้บางส่วน
         3. บ้านพักผู้สูงวัยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ (ติดเตียง)
         4. บ้านพักสำหรับระยะสุดท้ายของชีวิ
 
         นอกจากนี้ยังอาจพ่วงบ้านพักชั่วคราวสำหรับผู้พักฟื้นไข้จากโรงพยาบาล หรืออาจเป็นที่พักใกล้โรงพยาบาลเพื่อให้สามารถทำการรักษาได้ทันท่วงที เป็นต้น
         ในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ สิ่งสำคัญในการดำเนินการก็คือ  
         1. โอกาสทางธุรกิจจากการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่แทนที่จะอยู่อาศัยแบบครอบครัวขยาย ก็มาเป็นการอยู่ร่วมกันระหว่างกลุ่มผู้สูงวัย
         2. ทักษะของนักวิชาชีพหรือเจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงวัย ซึ่งต้องมีความเชี่ยวชาญและจำนวนนักวิชาชีพที่เพียงพอ
         3. การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงิน ที่สามารถบ่งชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทนี้ เป็น Market Niche ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการพัฒนาที่อยู่อาศ้ยทั่วๆ ไป ซึ่งกำลังล้นตลาดอยู่ในเวลานี้
         ยิ่งกว่านั้นในส่วนของผู้ลงทุนยังสามารถลงทุนปล่อยเช่าได้ด้วย  ไม่จำเป็นต้องมาอยู่อาศัยเองในช่วงแรก ๆ ของการลงทุนนั่นเอง
         บ้านพักผู้สูงวัยจึงถือเป็นช่องทางตลาดใหม่สำหรับนักลงทุนและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
 

ผู้แถลง: 
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน