สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เดินหน้าช่วยผู้บริโภคปลูกสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ ล่าสุด ลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการสินเชื่อปลูกสร้างอาคารกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ หวังเพิ่มโอกาสผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งสินเชื่อดอกเบี้ยถูกพิเศษ
 
วันนี้ (9 ตุลาคม2560 ) สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน โดยนายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) ได้เปิดเผยภายหลังจากที่ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้ลงนามความร่วมมือ (MOU)ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ว่า การลงนามกันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และส่งเสริมการตลาด เพื่อดำเนินโครงการสินเชื่อปลูกสร้างอาคาร รวมถึงสินเชื่อพิเศษอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่ลูกค้า (ผู้บริโภค) ที่ปลูกสร้างบ้านของสมาคมฯ หรือภายใต้บริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของ          สมาคมฯ
 
นอกจากนี้ ทั้งธนาคารฯ และสมาคมฯ จะให้การสนับสนุนในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ และข้อมูลต่างๆ ผ่านช่องทางของธนาคารฯ และสมาคมฯ
 
นายพิชิต กล่าวด้วยว่า แม้กลุ่มผู้บริโภคที่ปลูกสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านจะมีเงินออมส่วนหนึ่ง แต่ก็มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยกว่า 30-40% ต้องการขอสินเชื่อกับธนาคาร และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มทีมีความต้องการสร้างบ้านแท้จริง มีที่ดินอยู่แล้ว แผนการสร้างบ้านก็เป็นความต้องการแท้จริงไม่ใช่การเก็งกำไร ดังนั้น ความต้องการที่แท้จริงกลุ่มนี้ไม่หนีไปไหน เหล่านี้เป็นปัจจัยบวกจากสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อสร้างบ้าน
 
สำหรับวงเงินที่ผู้บริโภคต้องการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินนั้น ส่วนใหญ่อยู่ประมาณ 2.0-5 ล้านบาท (ดูกราฟแผนภูมิที่ 1 ) ระดับรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 15,001-40,000 บาท  คิดเป็นสัดส่วน 32.17% รองลงมาระดับรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 40,001-70,000 บาท และอันดับสามระดับรายได้อยู่ที่ 70,001-100,000 บาทต่อเดือน (ดูกราฟแผนภูมิที่2) โดยหากพิจารณาลึกไปในอาชีพแล้วจะพบว่าผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินมีหลากหลายทั้งเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจ รับราชการ/รัฐวิสาหกิจ เป็นต้น
 
“ผู้บริโภคสร้างบ้านบนที่ดินตัวเองมีเครดิตชั้นดี ได้รับดอกเบี้ยและแพ็กเกจพิเศษ โดยสถิติที่ผ่านมาเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีหนี้เสียหรือ NPL เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อคอนโดมิเนียมจะเห็นว่ามียอดปฏิเสธสินเชื่อสูงมากตั้งแต่ปีที่แล้วต่อเนื่องถึงปัจจุบัน” นายพิชิตกล่าว พร้อมกับย้ำในตอนท้ายว่า ลูกค้าสร้างบ้านมีหลักฐานการเงินค่อนข้างมั่นคง เมื่อผ่านการพิจารณาจากสถาบันการเงิน