ผมน่าจะดีใจที่จีนผงาดฟ้า เพราะผมก็เป็นคนเชื้อสายจีน 100% แต่ผมสงสารแผ่นดินเกิดมากกว่า เพราะไทยคงตกเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจดั่งมณฑลหนึ่งของจีน แล้วเราจะทำอย่างไรดี

            เป็นธรรมดาที่ประเทศยิ่งใหญ่ก็ต้องผงาดให้เป็น "หนึ่งในใต้หล้า" ดูอย่างจักรวรรดินิยมอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อเมริกา รัสเซีย และญี่ปุ่นที่เคยแผ่ขยายอำนาจไปทั่ว มหาอำนาจเหล่านี้มุ่งแต่รักษาผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ได้หวังที่จะสถาปนาความยั่งยืนของมนุษยชาติแต่อย่างใด ทำให้ประเทศเล็กๆ น้อยๆ เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า จนถูกขนานนามว่า "สัตว์เศรษฐกิจ" เช่นที่ญี่ปุ่นเคยได้รับมาแล้ว

            บริษัทพัฒนาที่ดินจีนเริ่มมีบทบาทสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยโดยเฉพาะที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลแล้ว ทั้งนี้จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เฉพาะในรอบครึ่งแรกของปี 2561 พบว่า บจก.เทียนเฉิน อินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) พัฒนาโครงการใหม่เพียง 1 แห่ง 1,957 หน่วย แต่มีมูลค่ารวมกันถึง 11,340 ล้านบาท ถือว่าใหญ่เป็นอันดับที่ 4 นอกจากนี้ยังมีบริษัทจีนอีกแห่งคือ บจก.บีจีวาย แอนด์ ทีเอฟดีพร็อพเพอร์ตี้ ที่เปิดตัว 1 โครงการ จำนวน 1,297 หน่วย (ใหญ่ลำดับที่ 11) มีมูลค่าสูงถึง 6,270 ล้านบาท ดูจากแนวโน้มนี้แล้ว บริษัทจีนจะเข้ามาในตลาดมากยิ่งขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

            ประเทศไทยให้ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศโดยไม่มีข้อจำกัด ต่างจากในมาเลเซีย ที่มีโครงการ Malaysia My Second Home มีข้อกำหนดว่า ต่างชาติจะซื้อบ้านได้ต้องมีราคาไม่ต่ำกว่า 2 ล้านริงกิต หรือราว 17 ล้านบาท จะมาซื้อในราคาไหนก็ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ในสิงคโปร์ก็กำหนดชัดเจนว่า ต่างชาติจะมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น ห้องชุดได้ ก็ต้องเสียภาษี 15% (คนท้องถิ่นไม่เสีย) เพื่อป้องกันการมาบุกตลาดท้องถิ่น ในข้อนี้ ฮ่องกงกำหนดอัตราภาษีถึง 30% นอกจากนี้ออสเตรเลียยังกำหนดว่าต่างชาติจะซื้อบ้านได้ ก็ต้องเป็นบ้านในโครงการบ้านมือหนึ่งเท่านั้น บ้านมือสองห้ามขาด เพื่อป้องกันความเดือดร้อนจากราคาบ้านในตลาดเพิ่มขึ้นจนประชาชนเดือดร้อน

            การที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ออกมาปกป้องประเทศชาติและประชาชนของเขาจากกระแสการรุกของจีนนั้น แสดงว่าเขารักชาติและประชาชน เกรงว่าประชาชนของเขาจะเสียเปรียบ มาตรการเหี้ยมหาญเหล่านี้ ไม่เคยออกมาเลย ในยามที่ญี่ปุ่นเมื่อ 30 ปีก่อน หรือรัสเซียเมื่อ 10 ปีก่อน สยายการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ไปทั่วโลก แต่เพิ่งมีในยามที่จีนบุก แสดงให้เห็นว่า การบุกของจีนนี้มีนัยสำคัญมาก โอกาสที่ประเทศต่าง ๆ จะถูกฮุบ จะกลายเป็นประเทศกึ่งเมืองขึ้น (กึ่งศักดินา) จะมีสูงมาก รัฐบาลไทยของเราก็ควรปกป้องประเทศชาติด้วยการกำหนดราคาขั้นต่ำที่จะให้ต่างชาติมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เช่นในมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกงหรือออสเตรเลียเขาทำกัน

            อย่างไรก็ตาม นอกจากประเทศไทยจะไม่มีวี่แววที่จะทำเช่นนี้ ยังส่งเสริมให้ต่างชาติมาครอบงำไทยได้อีก เช่น ในพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะขยายไปทั่วประเทศในอนาคตนั้น

            1. มาตรา 35 ให้สํานักงานและผู้ซึ่งทําธุรกรรมกับสํานักงานในกิจการเกี่ยวกับที่ดินและอสังหาริมทรัพย์บรรดาที่กฎหมายกําหนดให้ต้องมีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายนั้น. . . นอกจากเรายกแผ่นดินให้ต่างชาติแล้ว ยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมโอน ที่แม้แต่คนไทยก็ต้องเสีย ยกต่างชาติให้อยู่เหนือกว่าไทยแท้ๆ เช่นนี้คนไทยเสียเปรียบต่างชาติแล้ว

            2. มาตรา 48 ให้ผู้ประกอบกิจการหรืออยู่อาศัยในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้รับสิทธิประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด ดังต่อไปนี้ (๑) สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นของคนต่างด้าว (๒) สิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่อาศัยในราชอาณาจักร (๓) สิทธิในการที่จะได้รับยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีอากร. . . นี่เท่ากับเป็นเขตเช่าของคนต่างชาติไปแล้วหรือไม่

            3. มาตรา 49 ให้ผู้ประกอบ. . .ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นคนต่างด้าวตามประมวลกฎหมายที่ดิน. . .ให้มีสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้โดยไม่ต้องได้รับอนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือภายใต้การจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด แล้วแต่กรณี. . . นี่เรา ประเคนที่ดินให้พวกต่างชาติ ทั้งที่ก็ไม่เห็นมีใครเรียกร้องอะไรเลย

            4. มาตรา 51. . .บุคคลดังกล่าวรวมทั้งคู่สมรส บุพการี และบุตร. . .อาจได้รับการลดหย่อนภาษี สิทธิเกี่ยวกับการเข้าเมืองและการขออนุญาตทํางาน และสิทธิอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกําหนดก็ได้. . .  นี่ให้ต่างชาติขนคนเข้ามาโดยไม่เสียอะไรเลย มาตั้งอาณานิคม? แต่คนไทยแท้ๆ ต้องเสียภาษี

            5. มาตรา 52 การเช่า เช่าช่วง ให้เช่า หรือให้เช่าช่วงที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์. . .มิให้นําความในมาตรา 540 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 มาใช้บังคับ. . .  นี่เท่ากับจะทำให้การ “งุบงิบ” ทำสัญญาซ้อนเป็นการถูกกฎหมายใช่ไหม ยิ่งกว่านั้นยังปล่อยให้เช่าช่วงได้อีก

            6. มาตรา 58 ผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ. . .สามารถใช้เงินตราต่างประเทศเพื่อชําระค่าสินค้าหรือบริการระหว่างผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ. . .  ต่อไปต่างชาติคงเอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยวได้ ไทยคงเหมือนกัมพูชาที่เดี๋ยวนี้ใช้แต่เงินดอลลาร์ กลายเป็นประเทศราชทางการเงินของมหาอำนาจ

            7. มาตรา 59 . . .ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาต จดทะเบียน หรือรับรองให้ประกอบวิชาชีพนั้นในประเทศที่คณะกรรมการนโยบายกําหนด สามารถประกอบวิชาชีพนั้นเพื่อกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้. . . ปกตินักวิชาชีพในแต่ละประเทศต้องให้องค์กรในแต่ละประเทศรับรองซึ่งจะทำให้เราก็จะสามารถควบคุมการบุกของต่างชาติได้

            ยิ่งกว่านั้น ทุกวันนี้ภาษีมรดกของเรา ก็หลวมๆ จนแทบไม่มีใครต้องเสียภาษีเลย ในขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เราก็ "เตะถ่วง" ไปเรื่อย ๆ หรือถ้าออกมาได้ ก็คงเป็นแบบ "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา" แบบเดียวกับภาษีมรดก

            เราต้องแก้กฎหมายใหม่เพื่ออุดช่องว่าง ไม่ให้มหาอำนาจใดมากดขี่ขูดรีดไทย แต่ก็ไม่รู้จะสำเร็จไหม เพราะผู้มีอำนาจอาจพยายามเกาะเก้าอี้มากกว่าพัฒนาชาติหรือไม่

 

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน