ดร. ประเสริฐ  ตปนียางกูร เลขาธิการ สภาวิศวกร เปิดเผยว่า  กฎหมายโรงงานฉบับใหม่ที่ประกาศไปเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา และจะมีผลใช้บังคับปลายเดือนตุลาคมนี้  มีผลต่อวิชาชีพวิศวกรรรมและสภาวิศวกรจะมีบทบาทอย่างมากที่ต้องเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิดร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ในฐานะผู้ดูแลและให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม

 

ทั้งนี้ ในกฎหมายโรงงานฉบับใหม่ดังกล่าว กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามกฎหมายโรงงาน ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องเสนอรายงานผลการปฏิบัติการที่ได้ดำเนินการและต้องได้รับการรับรองจากผู้ตรวจสอบเอกชนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่

 

อีกทั้งยังกำหนดต่อไปอีกว่า ผู้ตรวจสอบเอกชน ต้องเป็นวิศวกรที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมสาขาโยธา เครื่องกล ไฟฟ้า อุตสาหการ สิ่งแวดล้อม และเคมี ของสภาวิศวกร ให้เป็นผู้ตรวจสอบโรงงาน และเครื่องจักรในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ได้แก่ อาคารโรงงาน เครื่องจักรกล ระบบไฟฟ้า การวางผังโรงงาน ถังปฏิกริยาทางเคมี ตลอดจนระบบบำบัดมลพิษโรงงาน รวมไปถึงของเสียอันตราย  พร้อมทั้งจัดทำและรับรองรายงานการตรวจสอบ อันเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ของรัฐ  โดยวิศวกรเหล่านี้เป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ซึ่งกฏหมายกำหนดให้ผู้ตรวจสอบเอกชนดังกล่าว ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมที่ยังไม่หมดอายุและต้องไม่ถูกพักใช้ใบอนุญาต จากสภาวิศวกรเท่านั้น

 

ทั้งนี้ผู้ตรวจสอบเอกชนเหล่านี้ ยังต้องยื่นขอรับใบอนุญาตตรวจสอบหรือรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรมก่อน พร้อมกับกำหนดบทลงโทษวิศวกรที่ตรวจสอบหรือรับรองด้วยว่า หากกระทำโดยไม่มีใบอนุญาต หรือกระทำในขณะที่ถูกพักใช้ใบอนุญาต หรือรายงานที่เป็นเท็จ จะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน สองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

เลขาธิการสภาวิศวกรกล่าวทิ้งท้ายในเรื่องนี้ด้วยว่า  โอกาสทองสำหรับวิศวกรไทยที่มีใบอนุญาตของสภาวิศวกรมาถึงแล้วโดยมาพร้อมกับความรับผิดชอบ และจรรยาบรรณวิชาชีพของตัววิศวกรเอง ที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถของตนในการประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้องและเป็นไปตามข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ด้วย