กลุ่มไทคอนพอใจผลงานครึ่งปีแรก โชว์กำไร 248 ล้านบาท
  • 24 มกราคม 2017 at 15:18
  • 580
  • 0

กลุ่มบริษัทไทคอน ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก 2559 เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีกำไร 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 931 มั่นใจธุรกิจครึ่งปีหลังเติบโตได้ตามแผน พร้อมเตรียมขายสินทรัพย์เข้า TREIT มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาทภายในปลายปีนี้

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON ผู้นำด้านการพัฒนาโรงงานสำเร็จรูป และ คลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่ารายใหญ่ของ ประเทศไทย แถลงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทไทคอนในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 กลุ่มบริษัทไทคอนมีรายได้รวม 756 ล้านบาท กำไรสุทธิ 248 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 931 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยรายได้หลักมาจากรายได้จากค่าเช่าโรงงานและคลังสินค้า จำนวน 515 ล้านบาท
และกำไรจากการขายหน่วยลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอง จำนวน 89 ล้านบาท นอกจากนี้การลดสัดส่วนเงินลงทุนในกองทุนฯ ดังกล่าวยังทำให้บริษัทมีกำไรที่รับรู้เพิ่มเติมจากการขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับกองทุนฯ อีก จำนวน 259 ล้านบาท

 “ผลการดำเนินงานของกลุ่มไทคอนในครึ่งปีแรกเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้  โดยกลุ่มไทคอนได้ขยายพื้นที่โรงงานสำเร็จรูปและคลังสินค้าพร้อมใช้เพิ่มเติมต่อเนื่อง เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างประเทศที่มีเข้ามา
อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มไทคอนมีลูกค้าเช่าโรงงาน และคลังสินค้าเพิ่มขึ้นรวม 42 ราย ทำให้ลูกค้าทั้งหมดของ TICON และ TPARK ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 325 ราย โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติมากกว่าร้อยละ 90 โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังคงเป็นลูกค้าประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีสัดส่วนของลูกค้าประเทศจีนให้ความสนใจเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 138.72 ทั้งนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเลคทรอนิคส์ ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และโมเดิร์นเทรด” นายวีรพันธ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังของปี 2559 ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าจะยังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่แถบบางนา-ตราด บางพลี และวังน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ การลงทุนขยายตัวสูงขึ้นจากการเร่งรัดอนุมัติส่งเสริมการลงทุน การเร่งการใช้จ่ายและดำเนินโครงการลงทุนที่สำคัญของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และเอื้อประโยชน์ให้เกิดความต้องการในการเช่าโรงงานและคลังสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามมาในครึ่งปีหลัง 2559

นายวีรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “กลุ่มไทคอนได้เตรียมพร้อมในการรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว โดยเดินหน้าขยายพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าให้เช่าในโครงการต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องให้ได้ตาม
เป้าหมาย 280,000 ตารางเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ภายในสิ้นปี 2559 โดยโครงการ TPARK ในภูมิภาค ได้แก่ จ.ขอนแก่น และ จ.ลำพูน ได้เปิดให้บริการคลังสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อรองรับธุรกิจโมเดิร์นเทรดและ
โลจิสติกส์ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือซึ่งกำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ 

สำหรับความคืบหน้าการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ มีแผนลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยกำลังพิจารณาหาพันธมิตรทั้งในเวียดนามเหนือ และเวียดนามใต้ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้  นอกจากนี้ ยังมีแผนการลงทุนในประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนเช่นกัน
ในส่วนของการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียที่ได้มีการร่วมมือกับ SSIA และมิตซุย ในการขยายธุรกิจโรงงาน
และคลังสินค้าให้เช่าโครงการขนาดพื้นที่ 146,000 ตารางเมตร บริษัท SLP อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคลังสินค้าในเฟสที่ 2 ขนาดพื้นที่รวม 51,000 ตารางเมตร ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังวางแผนซื้อที่ดินเพิ่มเติมในหลายพื้นที่ในประเทศอินโดนีเซียเพื่อลงทุนต่อเนื่องอีกด้วย 

“ภายในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ วางแผนระดมทุนจากการขายโรงงานและคลังสินค้าในกลุ่มไทคอนเข้ากอง TREIT มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ในต้นปี 2559 เนี่องจาก ปีนี้มีเงินลงทุนที่ต่ำกว่าปีที่แล้วจากการ
ที่ไม่ต้องลงทุนซื้อที่ดินเพิ่ม” นายวีรพันธ์ กล่าว

ปัจจุบัน กลุ่มไทคอนมีโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ารวมทั้งสิ้น 51 โครงการ จำนวน 797 ยูนิต พื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการรวม 2.5 ล้านตารางเมตร

 

 

เกี่ยวกับ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน)

TICON หรือ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2533  โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยธุรกิจหลักของไทคอนมุ่งเน้นที่การพัฒนาโรงงานสำเร็จรูปคุณภาพสูงพร้อมใช้เพื่อให้เช่าที่มีหลากหลายขนาด และตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า ซึ่งพร้อมให้บริการในนิคมอุตสาหกรรมหลักๆ ของประเทศ รวม 18 แห่ง โดยมี TPARK หรือ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด เป็นบริษัทในกลุ่มไทคอน ซึ่งมีธุรกิจหลักในการพัฒนาคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้ และโลจิสติกส์ พาร์ค ในระดับสากลปัจจุบันคลังสินค้าของ TPARK ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ 33 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กลุ่มไทคอนยังให้บริการในการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าแบบ Built to Suit เพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้าแต่ละรายอีกด้วยโดยในปี 2558 ไทคอนได้ขยายการลงทุนครั้งสำคัญไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยร่วมมือกับบริษัท SSIA ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของอินโดนีเซีย และบริษัทมิตซุย ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อ “PT SLP SURYA TICON INTERNUSA” (SLP) ด้วยทุนจดทะเบียน 46.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นอกเหนือจากธุรกิจในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมแล้ว กลุ่มไทคอนยังได้จัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ (TLOGIS) และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท (TGROWTH) โดยมีกลุ่มไทคอนเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ เพื่อหาโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ และคลังสินค้าและเมื่อปี 2556  ไทคอนได้ตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อ TMAN หรือ บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์ จำกัดซึ่งเป็นบริษัทจัดการทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยต่อมา TICON และ TMAN ได้เปิดตัวกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน หรือ TREIT เพื่อจัดหาผลประโยชน์จากการลงทุนในทรัพย์สินทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศในอนาคต ซึ่งไม่เพียงแต่จะลงทุนในทรัพย์สินของ TICON และ TPARK เท่านั้น แต่ยังมองหาโอกาสในการลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าจากกลุ่มอื่นๆ ได้อีกด้วย ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู  www.ticon.co.th