สัมมากร ก้าวสู่ยุคใหม่ ตั้งเป้าโต 4,000 ล้านบาท

 

บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เผยตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 58 แนวโน้มเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา เป็นผลจากสถานการณ์บ้านเมืองและเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น และผู้บริโภคมีกำลังซื้อ อั้นการใช้จ่ายจากปีที่ผ่านมา สรุปผลประกอบการปี 57 มียอดรับรู้รายได้ 1,150 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 58 มียอดรับรู้รายได้ 1,800 ล้านบาท และก้าวสู่บริษัทฯ ที่มีรายได้เติบโต 400% หรือ 4,000 ล้านบาท ในปี 2562 โดยในปี 58 วางแผนพัฒนาโครงการใหม่ 2 โครงการ พร้อมปิดการขายอีก 5 โครงการ และพัฒนาศูนย์การค้าคอมมิวนิตี้มอลล์ เพียวเพลส ในจังหวัดขอนแก่น    

 

            นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มนิ่งและมีความชัดเจน พร้อมทั้งรัฐบาลวางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ด้านผู้บริโภคยังมีความต้องการและมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัย เพียงแต่ชะลอการตัดสินใจเพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมก่อน คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะมีความคึกคักกว่าครึ่งปีแรกเมื่อผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจมากขึ้น โดยในปีนี้ที่อยู่อาศัยในแนวราบจะเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา 8% หรือมียอดโอนประมาณ 450,000 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความต้องการ และอั้นการใช้จ่ายจากปีที่ผ่านมา ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้นส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น

            นายกิตติพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการของสัมมากรในปี 2557 มียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,150 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านและที่ดินร้อยละ 80 และรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ ร้อยละ 20 โดยในปี 2558 บริษัทฯ วางเป้าหมายมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท มาจากรายได้จากการขายบ้าน 1.1 พันล้านบาท รายได้จากการขายคอนโดและอื่นๆ 700 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทฯ วางแผนจะพัฒนาโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ และโครงการทาวน์โฮม รามอินทรา-วงแหวน พร้อมปิดการขาย 5 โครงการ ได้แก่ รามคำแหง  มีนบุรี  นิมิตใหม่  รังสิตคลอง2  และอควา ดิวิน่า นอกจากนี้ ในปีนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนพัฒนาศูนย์การค้าคอมมิวนิตี้ มอลล์ เพียวเพลส ในจังหวัดขอนแก่น

 

“บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโต 5 ปี นับจากปี 2558 นี้ จะมียอดรับรู้รายได้ 4,000 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 400 โดยวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ เฉลี่ยปีละ 3 โครงการ เน้นพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม กลุ่มราคา 6 ล้านบาทขึ้นไป และทาวน์โฮม กลุ่มราคา 2-4 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเตรียมการเปิดตัวที่พักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ และระดับราคา 1.5-3 ล้านบาท ทั้งนี้ หลังจากบริษัทฯ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น ทำให้บริษัทฯ มีคณะกรรมการร่วมบริหาร ช่วยให้บริษัทฯ มีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น พร้อมปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น” นายกิตติพล กล่าว

 

            นายกิตติพล กล่าวว่า เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตตามเป้าหมาย 5 ปีที่วางไว้ บริษัทฯ ได้ใช้งบลงทุนมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อเข้ามาสนับสนุนการทำงานภายในองค์กรให้มีระบบ และรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทฯ วางนโยบายการสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร ชูจุดเด่นความมีชื่อเสียงยาวนานกว่า 45 ปี ในด้านบ้านที่มีคุณภาพสูง และมีสังคมที่ดีส่งต่อรุ่นต่อรุ่น โดยมุ่งเน้นจัดกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันที่มีกว่า 10,000 ครอบครัว สร้างเป็นสังคมสัมมากรที่น่าอยู่อาศัย ตามสโลแกน “เราไม่เพียงสร้างบ้าน แต่เราสร้างสังคม” เพื่อให้เกิดการบอกต่อ และขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุระหว่าง 35-45 ปี ผู้กำลังสร้างครอบครัวใหม่ให้มาร่วมเป็นหนึ่งในสังคมสัมมากร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาด เพื่อการวางรากฐานลูกค้าให้แข็งแรง ส่งผลดีกับธุรกิจในระยะยาว และเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้สัมมากรเดินถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้