ก่อสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครมพนม รูปแบบ PPP Net Cost สัญญา 30 ปี

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยรูปแบบ PPP  Net Cost  (PPP หมายถึงรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน Public Private Partnership) เป็นแนวทางหนึ่งที่เพิ่มความรวดเร็ว (เพิ่มประสิทธิภาพ)ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ  ให้ทันกับความต้องการทางเศรษฐกิจ  ขนาดของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยรูปแบบ PPP มีหลากหลาย โดยแต่ละโครงการต้องผ่านมติคณะรัฐมนตรีมาก่อน  ถึงดำเนินการโดยกระทรวงและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงที่รับผิดชอบ

ดังนั้นเมื่อมีมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องเช่นนี้ จึงเป็นโอกาสให้ติดตามข้อมูล ศึกษาความเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของธุรกิจตนเองว่าสมควรเข้าไปร่วมลงทุนหรือไม่

โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม

โอกาสในการร่วมทุนกับภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง(ในพื้นที่ชายแดน) โครงการนี้เกิดขึ้นจากมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 29 มกราคม  2562. เรื่อง ขออนุมัติโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ของกรมการขนส่งทางบก

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เสนอดังนี้

1. อนุมัติให้ดำเนินโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ของกรมการขนส่งทางบก โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP  Net Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่าที่ดิน ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ ค่าควบคุมงานก่อสร้างและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานรายปีในส่วนอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ ขณะที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนค่าก่อสร้างในองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้และเครื่องมือและอุปกรณ์และเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการฯ (Operation and Maintenance : O&M) ในส่วนอาคารและพื้นที่ใช้สอยในการรับผิดชอบของเอกชนและโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางตามกรอบระยะเวลา รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา 30 ปี นับจากปีที่เปิดให้บริการพร้อมทั้งขอให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอความเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีด้วย โดยขอให้คำนึงถึงสถานการณ์ในปัจจุบันที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงการฯ เช่น การพัฒนาศูนย์การขนส่งในพื้นที่ใกล้เคียง การพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าต่าง ๆ เป็นต้น

2. อนุมัติกรอบวงเงินรวมสำหรับค่างานที่เกี่ยวข้องกับค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ ค่าควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน 738.56 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณ (สงป.) จัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริงต่อไป

3. มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กระทรวงคมนาคม (คค.) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 ของโครงการฯ รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมการนโยบายฯ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ รายงานว่า

โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ของกรมการขนส่งทางบกมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

วัตถุประสงค์

1. เป็นสถานีปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งระหว่างประเทศไทยไปสู่ภายในประเทศรวมถึงเชื่อมต่อระบบการขนส่งจากทางถนนไปสู่ทางรถไฟร่วมกับโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่ – นครพนม รองรับการขนส่งสินค้าจากทางตอนใต้ของประเทศจีนและทางตอนเหนือของประเทศเวียดนามกับภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ

2. เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์หรือสินค้าบรรจุหีบห่อ (Break Bulk Cargo)

3. เพื่อเป็นศูนย์ให้บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ทำให้สามารถดำเนินการพิธีการที่เกี่ยวกับการนำเข้าและส่งออกได้ในจุดเดียว

ขอบเขตของโครงการ

เป็นการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางถนน เน้นการรองรับกิจกรรมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศบนเส้นทางสาย R12 (ไทย – ลาว – เวียดนาม – จีนตอนใต้) และรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนสู่ระบบราง ผ่านเส้นทางรถไปทางคู่สายบ้านไผ่ – นครพนม โดยมีกิจกรรมหลัก ได้แก่ การเปลี่ยนหัวหางลากพ่วงรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ การให้บริการยกขนตู้สินค้า การให้บริการเช่าใช้พื้นที่อาคารรวบรวมและกระจายสินค้า อาคารคลังสินค้า ตลอดจนการพัฒนาและให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบการขนส่งและโลจิสติกส์

ที่ตั้ง

ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของด่านพรมแดนและด่านศุลกากรนครพนม และใกล้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 และสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 3 รวมทั้งมีความเชื่อมต่อกับโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่ – นครพนม มีขนาดพื้นที่รวม 115 ไร่ 1 งาน 34 ตารางวา โดย คค. อยู่ในขั้นตอนการเสนอร่างพระกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. ....

ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งว่า โครงการฯ ไม่เข้าข่ายประเภทและขนาดโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมขอให้ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ปรากฏในรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) อย่างเคร่งครัด

แผนการดำเนินโครงการ

- ประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนภายในเดือนเมษายน 2562

- ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนภายในเดือนตุลาคม 2562

- เริ่มก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ รัฐเป็นผู้ดำเนินการภายในเดือนกันยายน 2562

- เริ่มก่อสร้างในองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้และเครื่องมือและอุปกรณ์ (เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ) ภายในเดือนมีนาคม 2563

- เปิดให้บริการภายในเดือนตุลาคม 2564

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเห็นควรลงทุนในรูปแบบ PPP Net Cost กำหนดเวลาการให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นระยะเวลา 30 ปี โดยภาคเอกชนเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา 30 ปี นับจากปีที่เปิดให้บริการ ซึ่งเอกชนจะได้รับผลตอบแทนทางการเงิน ร้อยละ 9 (ประมาณการรายได้ 30 ปี เป็นเงิน 3,973.26 ล้านบาท) กำหนดรูปแบบการให้สิทธิในทรัพย์สินของโครงการแบบ Build Transfer Operate (BTO) โดยเอกชนจะต้องโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนให้กับกรมการขนส่งทางบกเมื่อดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนเปิดให้บริการ และกรมการขนส่งทางบกจะทำหนังสือรับรองการเริ่มให้บริการกับเอกชนเพื่อบริหารจัดการและบำรุงรักษาตลอดระยะเวลาสัมปทาน

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า มูลค่าการค้าชายแดนและผ่านชายแดน ของปี 2561 มูลค่า 1,392,629 ล้านบาท ขยายตัว 6% เป็นการส่งออก 778,292  ล้านบาท ลดลง 0.76% และการนำเข้า 614,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.87 % เกิดดุลการค้า 163,954 ล้านบาท

ในส่วนการค้าชายแดนมูลค่ารวม 1,124,673 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.01% เป็นการส่งออก 650,909 ล้านบาท ลดลง 0.54% และการนำเข้า 473,764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.99% เกินดุลการค้า 177,145 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการค้าผ่านแดน 267,956 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.68% เป็นการส่งออก 127,383 ล้านบาท ลดลง 1.91% และการนำเข้า 140,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.24% ขาดดุลการค้า 13,191 ล้านบาท

สถิติแยกเป็นรายประเทศ พบว่า การค้ามาเลเซียยังคงเป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 571,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.29% เป็นการส่งออก 293,808 ล้านบาท ลดลง 5.97% และการนำเข้า 278,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.29%

ตามมาด้วย สปป.ลาว มูลค่า 213,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.17% เป็นการส่งออก 128,867 ล้านบาท ลดลง 1.83% และการนำเข้า 84,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.83%

เมียนมา มูลค่า 193,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.88% เป็นการส่งออก 105,212 ล้านบาท ลดลง 3.45% และการนำเข้า 88,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.92%

และกัมพูชา มูลค่า 145,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.39% เป็นการส่งออก 123,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.93% และการนำเข้า 22,778 ล้านบาท ลดลง 3.24%

ส่วนสถิติการค้าผ่านแดน พบว่า การค้าจีนตอนใต้เป็นอันดับหนึ่ง มูลค่า 103,451 ล้านบาท รองลงมา สิงคโปร์ มูลค่า 86,195 ล้านบาท และเวียดนาม มูลค่า 78,310ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญที่ส่งพบกระทบต่อการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน คือ สงครามการค้า ภาวะเศรษฐกิจโลกผันผวน ความไม่มีเสถียรภาพของค่าเงินในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศเมียนมา เพราะมูลค่าเงินจ๊าดอ่อนตัว ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาแพงขึ้น การส่งออกยางพารา ไปมาเลเซีย ลดลง เนื่องจาก ภาคใต้มีภาวะฝนตกทำให้กรีดยางไม่ค่อยได้ และการย้ายฐานผลิตเข้าไปอยู่ในประเทศนั้นๆ ส่งผลให้ความจำเป็นในการนำสินค้าเข้าประเทศลดน้อยลง

สำหรับ ปี 2562 ทางกรมการค้าต่างประเทศมีการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการค้าชายและการค้าผ่านแดน คือ โครงการ YEN –D   (โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Young Entrepreneur Network Development Program)   โครงการนี้เน้นเขตชายแดนเป็นหลัก ซึ่งขยายจากเดิมที่สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทย โดยจับคู่ระหว่างไทยกับ กัมพูชา เป็นโครงการ YEN-D จังหวัดสระแก้วผ่านรูปแบบการนำคนจากชายแดนกัมพูชามาเรียนกับคนไทย โครงการ YEN-D ไทย กับ เวียดนาม ซึ่งทางกรมฯ มีเป็นการจับมือกับ “กลุ่มสนุก” มี 3 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร สิ่งพิเศษในกลุ่มโดยจะนำคนเวียดนามที่เป็นพันธมิตรกับ “กลุ่มสนุก” มาเรียนกับคนไทย โดยมุ่งเน้นคนไทยเชื้อสายเวียดนาม โครงการ YEN-D ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC ประกอบด้วย หลวงพระบาง อินโดจีน และเมาะลำไย เพื่อเชื่อมโยงจังหวัดภาคเหนือตอนล่างของไทย ประกอบด้วย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก เลย ของสปป.ลาว คือ แขวงไชยบุรี หลวงพระบาง ปากหลาย และภูดู่ ส่วนเมียนมา คือ รัฐกระเหรี่ยงและรัฐมอญ และ โครงการ YEN-D ไทยกับ CLMV เป็น YEN–D Plus ขยายไปสู่ มาเลเซีย เชื่อมโยงกับอินโดนิเซีย

รวมความแล้วการเร่งสร้างศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครมพนม รูปแบบ PPP  Net Cost  สัญญา 30 ปี  นั้นย่อมมีส่วนผลักดันให้การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนมีโอกาสเพิ่มมูลค่ามากขึ้น

#