โรลันด์ เฮิน (ที่สองจากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด ร่วมด้วย สุเรช เล็ทชมานาน (ซ้ายสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอร์ทมุนด์ เอเชีย แปซิฟิก โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ (ที่สองจากซ้าย) อดีตผู้รักษาประตูสโมสร โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ และทีมชาติเยอรมัน ยาน แชร์ (กลาง) รองหัวหน้าสำนักงาน และ หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ผู้สังเกตการณ์ถาวรประจำแอสแคป สถานทูตเยอรมัน กรุงเทพฯ และ พัชราภรณ์ ก. บัวเกษร (ขวาสุด) หัวหน้าฝ่ายสมาชิก อีเวนท์และสื่อสารองค์กร หอการค้าเยอรมัน-ไทย
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สตีเบล เอลทรอน ผู้นำด้านการผลิตเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องกรองน้ำ เครื่องเป่ามือ ปั๊มความร้อนและปั๊มน้ำในประเทศไทย ประกาศเป็นพันธมิตรให้การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) เป็นเวลาต่อเนื่อง 2 ปี พร้อมเผยข้อมูลภาพรวมบริษัทหลังผลประกอบการโดยรวมเติบโตเพิ่มขึ้น 17% ในปี 2561 แสดงถึงศักยภาพของสตีเบล เอลทรอน ประเทศไทยในการก้าวขึ้นมาเป็นฐานการผลิตและส่งออกหลักของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประเทศอื่น ๆ นอกภูมิภาค ภายในปี 2563
สตีเบล เอลทรอน ลงนามเซ็นสัญญาร่วมมือครั้งสำคัญระดับภูมิภาค เพื่อให้การสนับสนุนโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรฟุตบอลชื่อดังจากประเทศเยอรมนี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้เพิ่มมากขึ้นแก่ทั้งสององค์กร โดยสัญญานี้จะมีผลในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อเนื่องเป็นเวลาสองปี
“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับสตีเบล เอลทรอนในครั้งนี้ “ มร. สุเรช เล็ทชมานาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอร์ทมุนด์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว “สตีเบล เอลทรอน เป็นแบรนด์ชั้นนำของประเทศเยอรมนี ที่ประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากกลุ่มผู้บริโภคในตลาดเอเชีย ซึ่งเรามั่นใจว่าความร่วมมือกับสตีเบล เอลทรอนจะช่วยพาเรา ในฐานะทีมแชมป์จากประเทศเยอรมนีมาสู่สนามแข่งขันในประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้อย่างสวยงาม” มร. สุเรช กล่าวเสริม
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว สตีเบล เอลทรอน มีแผนจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อลูกค้าในทั้งสองประเทศ ซึ่งรวมไปถึงการนำมาสคอต และนักเตะในตำนานของสโมสรฟุตบอลโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์มาเข้าร่วม รวมไปถึงการจับรางวัลผู้โชคดีของสตีเบล เอลทรอน และสโมสรฟุตบอลโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพื่อลุ้นบินไปชมการแข่งขันติดขอบสนามที่ประเทศเยอรมนี รวมถึงในเอเชียด้วย นอกจากนี้สตีเบล เอลทรอน ยังจัดทำเครื่องทำน้ำอุ่นรุ่นพิเศษร่วมกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อย่างรุ่น XG Dortmund Limited Edition จัดจำหน่ายในราคา 5,590 บาท และมีจำนวนจำกัดสำหรับสาวกลูกหนังตัวจริง
มร.โรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด กล่าวว่า “ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญของสตีเบล เอลทรอน ซึ่งเราและแฟนบอลชาวไทยขอส่งแรงใจให้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในการแข่งขันฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง และขอให้โชคดีกับการแข่งขันประจำปี 2019-2020 และแชมเปียนส์ ลีกด้วย”
การจับมือเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ถือเป็นการให้การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลครั้งล่าสุด ต่อเนื่องมาจากสโมสรฟุตบอลไทยที่สตีเบล เอลทรอนให้การสนับสนุนอยู่ในปัจจุบันอีกสามสโมสร อันได้แก่ สโมสรฟุตบอลเชียงใหม่ สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส และสโมสรฟุตบอลไทยฮอนด้า ลาดกระบัง
สตีเบล เอลทรอน ประเทศไทยมีการเติบโตของยอดขายทั้งภายในและนอกประเทศเป็นที่น่าประทับใจ ด้วยตัวเลขการเติบโตที่ 17% เมื่อปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมาหลังจากที่ได้ลงทุนพัฒนาธุรกิจไป ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะมีส่วนในการทำให้ตัวเลขมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นในปี พ.ศ. 2562 นี้ด้วย ซึ่งการเติบโตของสตีเบล เอลทรอนในปีนี้ ส่วนหนึ่งมีผลมาจากการทุ่มเงินลงทุนขยายโรงงานที่สองของสตีเบล เอลทรอนในประเทศไทยด้วยเงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วตามกำหนดการที่วางไว้ โดยโรงงานที่สองเป็นส่วนขยายของโรงงานเดิมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น พร้อมปรับขบวนการการผลิตที่ส่งเสริมความยั่งยืน นอกจากนี้ยังรองรับการผลิตเครื่องทำน้ำอุ่นน้ำร้อนแบบหม้อต้ม และปั๊มความร้อน เพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการขยายกำลังการผลิต ร่วมกับการส่งเสริมการตลาด และการขยายช่องทางการขาย ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่สตีเบล เอลทรอนใช้เพื่อขยายการเติบโตในประเทศไทยไปจนถึงระดับภูมิภาค
“เราได้ทุ่มเงินลงทุนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจำนวนมหาศาล โดนมุ่งขยายสายผลิตภัณฑ์และกำลังการผลิต ไปจนถึงการเพิ่มกิจกรรมทางการตลาด และขยายช่องทางการขายทั้งในส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์และร้านค้าทั่วไป เพื่อให้การเข้าถึงลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น” มร.โรลันด์ เฮิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตีเบล เอลทรอน เอเซีย จำกัด กล่าว “สตีเบล เอลทรอนมุ่งมั่นทำวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้ารวมไปถึงเพื่อการเติบโตทางการตลาดที่ยั่งยืนมั่นคง เราจะเดินหน้าผลิตเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีการขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้”